ความนำ

ชนชาติไทยเปนชาติไหย่ชาติหนึ่งมาก่อนพุทธกาลหลายพันปี แต่เดิมมีภูมิลำเนาหยู่ทางประเทสจีนตอนไต้ ต่อมามีพวกที่ไม่สมัคหยู่ไนถิ่นเดิมพากันอพยพหาที่หยู่ไหม่ ได้อพยพลงมาทางไต้ ประดุจลูกคลื่นที่ค่อย ๆ เคลื่อนหย่างช้า ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดมีไทยเปน 2 พวก คือ พวกที่ยังหยู่ไนถิ่นเดิม และพวกที่อพยพลงมาทางไต้

ไทยที่อพยพจากถิ่นเดิมลงมานั้น พวกหนึ่งไปรวบรวมตั้งบ้านเมืองขึ้นทางลุ่มแม่น้ำสาละวิน เรียกว่า ไทยไหย่ และจัดตั้งเปนอานาจักรอิสระไนดินแดนที่เปนประเทสพม่าปัจจุบันนี้ พายหลังมีชนอีกชาตหนึ่งซึ่งหยู่ไนดินแดนระหว่างอินเดียกับทิเบต คือ ต้นชาติพม่า เข้าตีเขตแดนไทยไหย่ได้ แล้วตั้งเมืองพุกามเปนราชธานี ตั้งแต่นั้นมา ไทยไหย่ก็กะจัดกะจายไปไนที่ต่าง ๆ ไทยไหย่เวลานี้ยังมีหยู่ไนแถบอัสสัมของอินเดีย และไนสหะรัถไทยเดิม (ซึ่งได้มารวมหยู่กับประเทสไทยเราแล้ว)

ไทยที่อพยพอีกพวกหนึ่งลงทางไต้ ตั้งภูมิลำเนาหยู่ตอนต่อลุ่มแม่น้ำโขงขึ้นไป พวกนี้มีชื่อเรียกต่อมาว่า ไทยน้อย คือ พวกเรานี้แหละ แคว้นที่ไทยน้อยมาตั้งภูมิลำเนาหยู่แยกได้เปน 3 อานาจักร คือ สิบสองเจ้าไทย สิบสองพันนา และหัวพันทั้งห้าทั้งหก อานาจักรเหล่านี้ไม่ขึ้นแก่กัน ต่อมาก็เกิดอานาจักรไหม่อีก 2 คือ ลานช้าง และลานนา ไทยได้ขยายอำนาดขึ้นเปนลำดับเช่นกัน โดยตั้งอานาจักรต่างเปนอิสระไม่ขึ้นแก่กัน

ไทยน้อยแผ่อำนาดลงมาทางไต้หย่างรวดเร็ว ต้องทำการต่อสู้และเอาชนะอำนาดของชนเจ้าของถิ่นเดิมตลอดมา จนมาตั้งเปนอานาจักรได้อีกแห่งหนึ่ง เรียกว่า อานาจักรสุโขทัย ซึ่งเปนอานาจักรที่รุ่งเรืองมาก และรวบรวมไทยน้อยไห้หยู่เปนแหล่งเดียวกันได้มาก ไทยน้อยได้จเรินก้าวหน้ามาเปนสมัย ๆ นับแต่สมัยกรุงสุโขทัย สมัยกรุงสรีอยุธยา และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จนอานาจักรไทยน้อยทั้งมวนก็ได้รวมเข้าเปนประเทสขึ้น คือ ประเทสไทยไนบัดนี้

ทั้งนี้ ย่อมเห็นได้ว่า ไทยเรากว่าจะตั้งเนื้อตั้งตัวขึ้นเปนประเทสไนอินโดจีนได้ ก็ต้องผ่านอุปสัคนานาประการ ยิ่งกว่านั้น ยังต้องทำสึกกับชนชาติไกล้เคียงหยู่เปนนิจ แต่กะนั้น ไทยก็คงครองความเปนเอกราชมาได้จนกะทั่งบัดนี้ ทั้งนี้ เปนเพราะไทยเรามีลักสนะอุปนิสัยประจำชาติอันเหมาะสม ช่วยส่งเสริมไห้สามาถปติบัติตนสอดคล้องกับความเปนไปตามเหตุการน์ของโลกได้ด้วยดี

วีระธัมส่วนที่เกี่ยวกับนักรบ

ไทยรักชาติยิ่งชีวิต

ไทยเปนนักรบชั้นเยี่ยม

ไทยเปนชาติดีต่อมิตร และร้ายที่สุดต่อสัตรู

วีระธัมส่วนที่เกี่ยวกับพุทธสาสนา

ไทยเปนชาติบูชาพุทธสาสนายิ่งชีวิต

ไทยเปนชาติปากกับไจตรงกัน

ไทยเปนชาติรักสงบ

ไทยเปนชาติซื่อสัจและกตัญญู

วีระธัมส่วนที่เกี่ยวกับเสถกิจ

ไทยเปนชาติขยันไนการกสิกัม อุสาหะกัม และพานิช

ไทยเปนชาติเพาะปลูกอาหารไว้กินเอง

ไทยเปนชาติสะสมมรดกไว้ให้แก่ลูกหลาน

วีระธัมส่วนที่เกี่ยวกับวัธนธัม

ไทยเปนชาติชอบหยู่ดีกินดี

ไทยเปนชาติชอบแต่งตัวดี

ไทยเปนชาติยกย่องเด็ก หยิง และผู้ชรา

ไทยเปนชาติว่าตามกัน และตามผู้นำ

เมื่อได้กล่าวถึงชนชาติไทยแล้ว ก็ควนได้กล่าวถึงภูมิประเทสของไทยประกอบด้วย กล่าวโดยทั่วไป พื้นที่ประเทสไทยเปนที่ราบ และอาดแบ่งตามลักสนะภูมิประเทสออกได้เปน 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตวันออกเฉียงเหนือ และภาคไต้ จะได้กล่าวเปนภาค ๆ ไปตามลำดับ

ภูมิประเทสภาคเหนือ ประกอบด้วย พูเขา และที่ราบเชิงเขา มีแม่น้ำลำธารหลายสายไหลมาบันจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำโขง และแม่น้ำสาละวิน เช่น แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เปนต้น แม่น้ำปิงและแม่น้ำวังไหลจากที่เนินสูงไปสู่ที่ต่ำทางทิาไต้ ที่ราบตามแถบบริเวนลุ่มแม่น้ำเหมาะสำหรับทำการเพาะปลูก นอกนั้นเปนเขาและเนิน ไนแถบบริเวนแม่น้ำปิงและแม่น้ำวังมีเขาติดกันเปนพืด ๆ มียอดเขาสูง ๆ บางยอดสูงตั้งแต่ 600 ถึง 2500 เมตร และซับซ้อนกันหนาแน่นเปนชั้น ๆ บางแห่งเปนหน้าผาสูงและชันมาก ถ้าเราหยู่บนยอด้ขาที่สูงแลลงไปไนที่ต่ำ จะเห็นยอดเขาเปนทิว และมีลำธารไหลขนานกับพืดเขาทุกแห่ง ไนแถบบริเวนแม่น้ำยมและน่านมีพืดเขาไหย่ ๆ หลายพืด ไนจังหวัดแพร่มีพูเขาเปนทิวหยู่ทางทิสตวันออก ไนรึดูฝนบนยอดเขามีฝนตกเปนละอองหยู่เสมอ ตามไหล่เขาปกคลุมไปด้วยป่าไม้สักอันมีค่า น้ำตกโดยมากมีที่ต้นห้วย น้ำตกที่ตกจากเขาไหลรวมกันเทลงมา ทำไห้ดินหรือหินก้อนเล็ก ๆ ไหลไปตามน้ำด้วย เหลือหยู่แต่หินก้อนไหย่ ๆ

ทิวทัสน์ตามธัมชาติทางภาคเหนือ นับว่า งดงามมาก ท่าน "สามัคคีไทย" ได้ขนานชื่อไห้ว่า เปน "ถิ่นไทยงาม" และได้พรรนนาความงามของถิ่นไทยงามไว้ตอนหนึ่ง มีข้อความว่า

"เมื่อฉันได้พูดมาเพียงนี้ ทำไห้ฉันแลเห็นประเทสหนึ่ง จัดว่า เปนประเทสไทยงาม หยู่ติดกับแคว้นสหะรัถไทยเดิมของเรา บัดนี้ มีธัมชาติทุกหย่าง เทียบได้เท่ากับสวิตเซอร์แลนด์ตวันออก เหมือนฝรั่งเคยบอกแก่เรานานมาแล้วว่า กรุงเทพฯ เหมือนเวนิสตวันออก เพราะมีคลองมาก ประเทสไทยงามที่ฉันพูดถึงนี้ คือ ภาคเหนือของประเทสไทยตั้งแต่อุตรดิถขึ้นไป สวิสมีอะไร ถิ่นไทยงามภาคนั้นมีเกือบทุกหย่าง มีเขางาม มีเขาที่ราบ สายน้ำสลับซับซ้อนเหมือนสวิส มีอากาสดี มีดอกไม้งาม มีคนงาม มีวัธนธัมงาม มีการทำมาหากินงาม มีบ้านสอาดเปนระเบียบงาม มีดอกรักเร่ ดอกกุหลาบงามสวยโตหย่างไม่เคยพบที่อื่น มีดอกไม้ของชาติงามทั้งสี กาย วาจา ไจ เหมือนดอกไม้งาม ที่ฉันกล่าวมานี้คู่บุญกันเหมาะสม มีสวนผักงามสุดสายตา มีสวนยาเขียวชอุ่มแต่ริมน้ำถึงเชิงเขา มีไร่กะเทียมลำพูน นั่งรถยนต์จนเมื่อยยังไม่พ้นกลิ่นกะเทียม มีคันนาตรงเหมือนเส้นบันทัด เหมือนน้ำไจอันซื่อสัจของเจ้าของไร่นาที่สุด รอยยิ้มที่ดวงหน้าของพี่น้องไนถิ่นไทยงามมีไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนบัดนี้ยังติดมากับฉันตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ฉันเห็นตามหย่างยิ่งที่รัถบาลจะส้างไทยที่ฉันกล่าวนี้หย่างสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นไห้มีชื่อเปนสวิตเซอร์แลนด์อาเซีย เวลานี้ สวิสยังหยู่ดีกินดีปลอดภัยด้วย เราอาดได้รับบุญกุสลหย่างสวิสไนวันข้างหน้าบ้างก็ได้ เพราะพวกเรารักสงบเปนนิสัยหยู่ตลอดมาแล้ว ฉันเล่ามานี้ยังไม่หมดสิ่งงามของแคว้นไทยงามของเรา แต่ถ้าท่านผู้ไดถือลัทธิพูดหย่างเดียวกัน ทำหย่างเดียวกัน เชินไปชมเอง จะกลับมาเล่าได้ดีกว่าฉัน และได้รับรอยยิ้มจากพี่น้องของเราไนถิ่นนั้นมากกว่าฉันก็ได้"

อนึ่ง พนะท่าน พันโทหยิง ล. พิบูลสงคราม ก็ได้เขียนบทประพันธ์ เรื่อง งามของถิ่นไทยงาม ไว้ดั่งนี้

คำว่า "งาม" ความหมายไพเราะยิ่ง

ทุกทุกสิ่งเมื่อเห็นงามอร่ามฉาย

บ้านเมืองงามคนงามทั้งหยิงชาย

มีบ้านหยู่สุขสบายหมายงามดี

ฉันภูมิไจไนความงามตามที่เห็น

รู้สึกเปนสิ่งเพลิดตาพาสุขี

คิดเลิสแล้วพระนครนอนรึดี

ล้วนเฉิดสรีงามมากกว่าภาคได

แต่ไนคราเมื่อฉันลาพระนคร

ต้องแรมรอนร้างลาที่อาสัย

เปนเวลาสามสิบวันนานสมไจ

สู่เขตไนกองทัพยายัพเนา

เมื่อแรกไปนำความงามตามที่คิด

เอาสวมติดตัวไปไนป่าเขา

นึกโอ่อ่ากว่าพี่น้องภาคเหนือเรา

โอ้ไจเบานักหนาคราได้ยน

เมื่อกลับมาฉันไม่พางามที่คิด

เอาเหลือติดตัวมาหย่าฉงน

เพราะเมื่อได้เห็นแคว้นไทยไนมนทล

ภาคเหนือจนสุดแดนแคว้นเขตไทย

ฉันเพลิดเพลินหลงไหลไนภาคนี้

หลงความดีเพลินความงามตามวิสัย

ฉันมอบคำว่า "งาม" ที่นำไป

ไห้พี่น้องชาวไทยไนถิ่นงาม

ช่างงามจิงยิ่งถิ่นไดที่ได้พบ

ช่างงามครบงามทุกหย่างดังจะหยาม

เย้ยภาคอื่นไห้ได้อายไนความงาม

งามไนความบริบูรน์พูนโภคทรัพย์

ไนป่าไหย่ไม้สักยอดสินค้า

มวนพรึกสาหลายชนิดแซมสลับ

ตามหมู่บ้านแลละลานเหลือจะนับ

เหมือนประดับด้วยร่องผักน่ารักชม

สวนลำไยไร่กะเทียมสุดลูกตา

ไร่ไบยาเวอร์ยิเนียพันธุ์ผสม

มองดูเขียวสล้างไกลไจนิยม

มองดูแล้วชื่นชมชวนสำราน

มองดูนาดินคันนาน่าปลาด

เหมือนหนึ่งลาดเส้นบันทัดจัดขนาน

เปนสี่เหลี่ยมจตุรัสจัดแบ่งงาน

เหมือนหนึ่งการสแดงซื่อตรงต่อกัน

มองดูคนแม่ช่างงามซามสวาท

เจ้างามหย่างธัมชาติทุกสิ่งสรรพ

ผิวสอาดเกลี้ยงดีฉวีวรรน

มะปรางนั้นเปรียบได้กับปรางนาง

เจ้างามพร้อมวัธนธัมประจำตน

ทั่วทุกคนไม่มีจิตคิดขัดขวาง

กะโปรงหมวกสวมไส่ทุกแถวทาง

งามทุกหย่างมารยาทวัธนธัม

อันความงามของหยิงไทยไนภาคนี้

ล้วนเปนสรีสง่าท่าคมขำ

งามเคียงคู่ดอกไม้ไช่กล่าวคำ

เฉลยรำเลยความจิงไห้ยิ่งเกิน

ธัมชาติก็แสนงามยามเพลินพิส

ชวนไห้คิดรำพันสันเสิน

ที่ชวดูคือพูเขาลำเนาเนิน

เปนโขดเขินห้วยธารขนานทาง

ตอนไหลแรงเพราะมีแก่งหินผุดพ้น

น้ำท่วมท้นไหลปะทะฉะฉาดผาง

เหมือนเตือนไจไห้ระลึกนึกไปพลาง

ว่าหย่าขวางเรือเมื่อสายน้ำไหลแรง

ฝั่งตลิ่งล้วนงามไครร่ำกล่าว

ล้วนเรื่องราวความงามอร่ามแสง

ไนถิ่นไทยงามของเราเล่าสแดง

ไคร่ชี้แจงไห้ท่านเห็นเด่นความจิง

พี่น้องไดไครประสบพบถิ่นนี้

จักเปนสรีสุขสบายทั้งชายหยิง

เชินท่านไปสู่สำนักได้พักพิง

หาที่อิงปลูกฝังส้างตนเอย

ภูมิประเทสภาคกลางเปนที่ราบลุ่มอันกว้างขวาง ไม่ค่อยมีพูเขา ตามที่ราบมีแม่น้ำ ลำธาร และแคว มาก เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำสัก เมื่อถึงเดือนตุลาคมและพรึสจิกายน มีฝนและแม่น้ำไหลมาจากเหนือ ไหลท่วมทุ่งนาและป่า ทำไห้เปนที่ดินเหมาะสำหรับทำการเพาะปลูก ภาคนี้หยู่ท่ามกลางของประเทส และเปนที่บริบูรน์ที่สุดของประเทสไทย

ภูมิประเทสทางภาคตวันออกเฉียงเหนือเปนที่ราบสูง ถ้าเราจะเดินทางจากทิสตวันออกของพระนครสรีอยุธยา และจากทางทิสตวันออกเฉียงเหนือของปราจีนบุรีขึ้นไป จะเห็นที่ดินสูงขึ้นทุกที จนถึงที่ราบสูงไนนครราชสีมา ทางทิสไต้และตะวันออกเฉียงไต้ของภาคนี้มีพูเขาเปนพืดติดกัน เรียกว่า เขาดงพระยาเย็น น้ำไนแม่น้ำมูลและสาขาของแม่น้ำนี้ช่วยเซาะที่ราบสูงไห้เปนที่สูง ๆ ต่ำ ๆ จึงทำไห้มีเขาและเนินมาก แถบจังหวัดเลยเปนที่ราบสูงที่สุดของภาคนี้ แถบตวันออกเฉียงเหนือและแถบตวันออกเฉียงไต้เปนที่สูงและมีเขามาก แต่เปนเขาเตี้ย ๆ เปนที่เกิดของลำธารต่าง ๆ หลายสาย แถบบริเวนไกล้ ๆ แม่น้ำโขงเปนที่ลุ่ม เช่น แถบจังหวัดหนองคาย ที่ดินเปนดินปนซาย เหมาะแก่การเพาะปลูก

ภูมิประเทสทางภาคไต้เปนที่แคบยื่นออกไปทางไต้ของประเทส ลักสนะของพื้นที่ประกอบด้วยเขาเปนสันกลาง เขาติดต่อกันเปนพืดยื่นขึ้นมาจากทิสตวันตกและตวันตกเฉียงเหนือของประเทส พื้นที่ของภาคไต้นี้แบ่งได้เปน 3 ตอน ตอนกลางเปนที่เนินสูง ตอนถัดมาเปนที่ราบ และตอนชายทเล

ตอนกลางประกอบไปด้วยพูเขามีลำธารและน้ำตกหลายแห่ง ลำธารบางแห่งก็ไหลรวมกันเข้ากลายเปนแม่น้ำ ตอนถัดจากที่เนินสูงมาทางทิสตวันตก พื้นที่ค่อยราบเข้า เปนที่ทำการเพาะปลูก มีป่า แม่น้ำ ลำธาร มาก ตามเนินเขามีแร่มาก เช่น แถบเขาพูเก็ตอุดมด้วยแร่ดีบุก ตอนชายทเลมีป่าไม้ต่าง ๆ มาก เช่น ป่าไม้โกงกาง เปนต้น มีเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ หยู่ไกล้ฝั่งทเลมาก ไนตอนชายฝั่งทเลเปนที่ราบ ดินดี เหมาะแก่การเพาะปลูก

สรุบได้ว่า ไทยเปนชาติไหย่และมีวัธนธัมสูงมาแต่โบราน เปนประเทสที่อุดมและงดงามโดยธัมชาติ มีชื่อว่า สมบูรน์ด้วยทรัพย์ไนดิน สินไนน้ำ เปนปัจจัยเลี้ยงชีวิต ก่อเกิดความมั่งคั่งไพบูลไห้ประเทสชาติ ผืนแผ่นดินไทยเปนดุจเลือดเนื้อของเผ่าไทย เปนมรดกตกทอดสืบมาจากบรรพบุรุสหลายยุคหลายสมัย วีระชนไทยต้องสละชีวิตและเลือดเนื้อเปนชาติพลีเพื่อคุ้มครองป้องกันดินแดนไทยไห้คงดำรงไว้เปนของไทย เละมอบเปนมรดกไห้อนุชนของชาติรักสาสืบต่อกันมา ประเทสชาติไทยจึงเปนดินแดนที่สักดิ์สิทธิ์ เปนที่รักและหวงแหนยิ่งชีวิตของไทยเราทุกคน

การจัดทำสมุดเล่มนี้ขึ้น ก็ด้วยความประสงค์ที่จะสแดงข้อความดั่งกล่าวข้างต้นไห้ประจักส์เปนภาพแทน เท่าที่จะกะทำได้ ไห้พี่น้องชาวไทยได้เห็นภาพเมืองไทยไนด้านต่าง ๆ เช่น ความจเรินก้าวหน้า ความงดงาม ความมั่งคั่งสมบูรน์ของเมืองไทย และความร่มเย็นพายไต้พระบวรพุทธสาสนา เพื่อจักได้เพิ่มพูนความรักชาติปิตุภูมิไห้ยิ่งขึ้น ความรักชาติปิตุภูมิเปนคุนธัมประจำชาติไทย ซึ่งรวมความหมายถึง ความรักตน รักพ่อ แม่ พี่ น้อง มิตรสหาย และเพื่อนร่วมชาติ รักบ้านเรือน ที่หยู่อาสัย ที่ทำกิน รักและเทิดทูนเกียรติสักดิ์ของชาติ รักเคารพผู้มีคุน วีระชนของชาติ ทั้งอดีตและปัจจุบัน รัก ไว้วางใจ และเชื่อตามประมุขผู้นำของชาติ รักผืนแผ่นดินอันเปนที่ไห้กำเหนิดหล่อเลี้ยงชีวิตและเปนแหล่งพำนักอันร่มเย็นเปนสุขของไทยทั้งมวน ความรักชาติปิตุภูมินี้เปนรากถานสำคันยึดเหนี่ยวไทยทั้งชาติไห้ร่วมเปนน้ำหนึ่งไจเดียวเสมือนบุคคลคนเดียวกัน

ฉะนั้น จึงเปนหน้าที่ของไทยทุกคนจะต้องรู้สึกสำนึกไนเกียรติที่ตนเปนคนไทย ต้องร่วมแรงร่วมไจกันส้างชาติไห้จเรินไพสาลยิ่ง ๆ ขึ้นโดยทุกวิถีทาง เทิดทูนเกียรติสักดิ์ของประเทสชาติไทยไห้หยู่สูงเด่นชั่วกาลนิรันดร