ที่จะได้เพลิดเพลินไปในข้อที่ไม่เปนประโยชน์หามิได้ ละวัน ๆ ครั้นเพลา ๓ โมงเช้า ก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุรีพระบาทฟังราชการ จนเพลา ๔ โมงเช้า ตรัสประภาษด้วยราชการ แล้วเสด็จขึ้น กลับมาบ้าน ครั้นเพลาบ่าย ๒ โมงเศษ ลงเรือไปทำรายงานสำเภาหลวงที่คอกกระบือแลบ้านที่อยู่กับอู่ต่อสำเภานั้น พายเรือล่องลงมาแต่เพลาบ่าย ๒ โมงเศษ เที่ยวดูรายงานเสร็จแล้วกลับเข้าไปถึงบ้าน พอเพลาพลบค่ำ เพลาทุ่มเศษ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุรีพระบาทถวายรายงานซึ่งอากึ่งชันหมันต่อสำเภาว่า เพลาวันนี้ ได้ทำงานสิ่งนั้น ๆ จน สิ้นทุกข้อ แล้วก็เฝ้าฟังราชการจนเสด็จขึ้น เพลา ๔ ทุ่มเศษ จึงได้กลับมาบ้าน แต่ทำราชการขวนขวายอยู่อย่างนี้ทุก ๆ วันมิได้ขาดถึงสองปี รวมกันสี่ปี ณเดือนเจ็ด ปีกุญ (จุลศักราช ๑๑๗๗) กราบถวายบังคมลากลับออกมาเยี่ยมบิดามารดา ณวันเดือนสิบสอง ข้างแรม พระราชทานเบี้ยหวัดแก่ข้าทูลลอองธุรีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยณกรุงเทพพระมหานคร ภายหลัง สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งแต่งเลื่อนขึ้นเปนที่พลพ่าย หุ้มแพร นายยามอยู่เวรสิทธิ แต่ตัวยังอยู่เมืองสงขลา แล้วมีรับสั่งออกมาให้เข้าไปณกรุงเทพพระมหานคร ครั้นณเดือนหก ปีชวด (จุลศักราช ๑๑๗๘) เข้าไปณกรุงเทพพระมหานคร รับทำราชการอยู่ในที่พลพ่าย หุ้มแพร สองปี ครั้นณเดือนยี่ ปีฉลู (จุลศักราช ๑๑๗๙) เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ ๒ ถึงแก่อนิจกรรม โปรดเลื่อน
หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๕๓) - ๒๔๗๖.pdf/46
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๔๒