ฉ้อขายซึ้งกันแลกันให้ได้ความยากแค้น ย่อมว่ากล่าวสั่งสอนชักนำให้เปนประโยชน์ในแผ่นดินสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยกันทั้งสองฝ่าย กรมการทั้งหลายก็พร้อมเพรียง ราษฎรชาวบ้านชาวเมืองลูกค้าวานิชทั้งปวงได้ทำไร่นาค้าขายหากินก็ชุกชุม จะมั่งมียากจนก็สุดแต่บุญกรรมของบุคคลนั้นเอง มิได้เบียดเบียนฉ้อกระบัดเอาพัศดุเงินทองเข้าของ ๆ ผู้หนึ่งผู้ใดให้ได้ความเดือดร้อนหามิได้ ๚
๏เมื่อณวันเดือนหก แรมสิบค่ำ ปีขาล ฉศก จุลศักราช ๑๒๑๖ ได้ต่อกำปั่นวิเชียรคิรีลำหนึ่ง ใช้จ่ายเงินสิบหกพันมีเศษหกร้อยสี่สิบสองเหรียญ กำปั่นมณีกลอกสมุทลำหนึ่ง เงินหกพันมีเศษห้าร้อยหกสิบเหรียญ ณวันเดือนแปด ปีมโรง อัฐศก จุลศักราช ๑๒๑๘ ได้สร้างอุโบสถแลบุรณปฎิสังขรณ์กำแพงศิลาวัดมัชฌิมาวาศ ลงทุนทรัพย์ใช้จ่ายเปนเงิน ฯลฯ ๚
๏แลเมื่อณวันเดือนห้า แรมสองค่ำ ปีมเมียสัม ฤทธิศก หลวงสวัสดิภักดี ซึ่งให้เข้าไปรับราชการอยู่ณกรุงเทพพระมหานคร มีหนังสือออกมาถึงเมืองสงขลาว่า พณหัวเจ้าท่าน สมุหพระกระลาโหม มีพระปราสาทสั่งว่า ณเดือนแปด เดือนเก้า ปีมเมีย สัมฤทธิศก พณหัวเจ้าท่าน สมุหพระกระลาโหม จะออกมาตราจดูปากน้ำฝ่ายเมืองปากใต้ แล้วจะมาพักที่เมืองสงขลา ให้จัดแจงปลูกทำเนียบไว้ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงจากไม้ปลูกทำเนียบไว้คอยรับพณหัว