๏ครั้นณวันเดือนสิบเอ็ด ขึ้นสามค่ำ ปีมแม เอกศก เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงกำปั่นมณีกลอกสมุทลำหนึ่ง เรือศีศะญวนสองลำ ให้หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา หลวงพิทักษ์โยธา หลวงสวัสดิภักดี ขุนพรหมมนตรี กรมการ คุมดอกไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ เข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย[1] แลคุมเงินส่วยสาอากรสำหรับเมืองเข้าไปส่งเจ้าพนักงานณกรุงฯ กำปั่นมณีกลอกสมุท เรือศีศะญวน สองลำ ได้ใช้ใบจากปากน้ำเมืองสงขลาแต่ณวันเดือนสิบเอ็ด ขึ้นสามค่ำ ปีมแม เอกศก ครั้นณวันพฤหัสบดี เดือนสาม ขึ้นสามค่ำ ปีมแม เอกศก หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา หลวงพิทักษ์โยธา ขุนพรหมมนตรี กรมการ ซึ่งคุมดอกไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการเข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแลคุมส่วยสาอากรเข้าไปส่งเจ้าพนักงานณกรุงเทพพระมหานคร เชิญตราพระคชสีห์แลนามสัญญาบัตรออกมาลุวางณเมืองสงขลา ในท้องตราซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมออกมานั้นว่า เสด็จพระราชดำเนินออกไปประพาศชมบ้านเมืองฝ่ายทเลปากใต้ถึงเมืองสงขลา พระยาสงขล ากรมการ ได้จัดแจงที่ประทับพลับพลารับเสด็จพระราชดำเนิน แล้วจัดแจงรับพระวงษานุวงษ์ข้างน่าข้างใน กับข้าราชการทั้งปวง ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิน ได้ความศุขสบายด้วยกันทั้งสิ้น มิได้ขัดสน ทรงทอดพระเนตรเมืองสงขลาเปนเมืองไชยภูมิลูกค้าพานิชซื้อขายไปมาคล่อง
- ↑ แต่ก่อน เมืองนครศรีธรรมราช เมืองสงขลา ต้องถวายต้นไม้ทองเงิน เลิกในรัชกาลที่ ๕ เมื่อจัดมณฑลเทศาภิบาล