หน้า:ปวศ กม ไทย - มธ - ๒๔๘๓.djvu/11

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
5
ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย

ของต้องเป็นผู้อยู่หรือผู้ทำ แลมีสิทธิหวงห้ามที่ได้แต่เมื่ออยู่หรือเมื่อทำ โดยเหตุนี้เอง ที่ดินจึงไม่เป็นสาระสำคัญในกองสมบัติของบุคคล ทรัพย์ที่เป็นสารสำคัญก็คือทาสกรรมกรช้างม้าโคกระบือและสิ่งของทองเงินที่ติดไปกับผู้เป็นเจ้าของและอยู่ใต้อำนาจของเจ้าของเด็ดขาด กับทั้งเป็นทรัพย์ที่ทำให้เจ้าของสามารถได้ผลประโยชน์จากที่ดินด้วย ฉะนั้น บุคคลผู้หนึ่งหามั่งมีเพราะมีไร่นาเรือกสวนเนื้อที่ใหญ่ไม่ แต่เพราะมีกำลังเพียงพอทำได้เต็มเนื้อที่ กล่าวคือ มีแรงงานทาสกรรมการและเงินทองเป็นอันมาก เมื่อเป็นดังนี้ จึงไม่เป็นการประหลาดแต่อย่างใดที่กฎหมายเก่าของไทยในบางแห่งระบุทรัพย์ต่าง ๆ ที่รวมเป็นกองสมบัติของบุคคลโดยมิได้บ่งถึงที่ดินเลย ความจริงที่ดินไม่มีราคาในตัวเอง แต่ผลที่เก็บเกี่ยวได้จากที่ดินตกอยู่ในกองสมบัติของบุคคลมากกว่าเนื้อที่ดินเอง ต่อเมื่อกรรมสิทธิแยกออกจากการครอบครองแล้ว ที่ดินจึงเริ่มเป็นทรัพย์สินอันมีคุณค่าต่างหากจากผลประโยชน์ที่ทำได้ แต่ถึงกระนั้นก็ดี สิทธิในที่ดินยังไม่เหมือนสิทธิในสังหาริมทรัพย์ เพราะสมัยที่มนุษย์รวมตั้งเป็นชุมนุมใหญ่นั้น เป็นสมัยการเมืองที่การปกครองเป็นการปกครองดินแดน แทนที่จะเป็นการปกครองหมู่ชนโดยฉะเพาะอย่างสมัยก่อน มีพระราชาเป็นเจ้าอาณาเขตต์ อาณาเขตต์นั้นไม่ใช่อื่น คือ ที่ดินที่พระราชทรงอำนาจปกครองนั้นเอง การที่มีเจ้าของหวงแหนยึดถือไว้ในอำนาจของตน อาจเป็นปรปักษ์ต่ออำนาจของพระราชา ไม่เหมือนสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เป็นเจ้าของไม่สู้จะมีโอกาสใช้สิทธิของตนได้ในทางที่เป็นอุปสรรคต่ออำนาจของพระราชา ฉะนั้น ในประเทศชาติที่พระราชามีอำนาจมาก ก็คงจะพยายามตัดทอนและจำกัดสิทธิ

ม.ธ.ก.