หน้า:เปิดกรุ (๑) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/151

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๕๑
 

ผมฟังเขาพูด ก็เห็นจริง น่าจะไป แต่เกรงจะไม่มีเวลาพอจะไปกินปลากินกุ้งที่นั่น อยากกินก็ซื้อเอาที่กรุงเทพฯ นี่แหละ ผมไม่ได้สนับสนุนข้อเสนอของนายมั่น ก็เลยลากันไปในเรื่องจะไปกินปลาห่างบ้าน แต่ยังไงไม่รู้ อยู่ ๆ ต้องออกจากกรุงเทพฯ เสียจนได้ เพราะญาติของคุณนพที่อยู่ทางบางแสนได้เกิดตายขึ้น คุณนพชวนผมและนายมั่นไปด้วย นายมั่นไม่ขัดข้อง เพราะอยากพ้นบ้านของตัวอยู่แล้ว ด้วยเกรงคุณนายนิ่มนวลจะมารบกวนอีก เพราะได้ข่าวว่า ทางบ้านคุณนายเกิดวุ่นวายอีก รูปปั้นใต้น้ำเกิดมาเข้าฝัน อยากจะขึ้นบกขึ้นมาละ

บ้านญาติคุณนพอยู่ที่ชายหาดทีเดียว แต่ไม่ใช่ที่บางแสนนัก ไปลงรถที่ตากอากาศบางแสนแล้วเดินเลาะชายหาดไปทางซ้ายมือ จวนจะเข้าเขตหลังหนองมน บ้านอยู่ชายหาดทีเดียว หน้าบ้านรับลมอู้ เขามีสวดอภิธรรมกันหลายคืน เพราะญาติมาก ก็สวดต่อกันไปเรื่อย ๆ นิมนต์พระจากวัดหนองมนนั่งรถวิ่งลัดมาถึงกันได้ ผมกับนายมั่นได้กินปลาสดกันสมใจเลย ดื่มเหล้ากับปลานึ่งปลาผัดอร่อยไปเลย กลางคืน พระสวดจบ เรานอนกันที่เฉลียงหน้าบ้านรับลมตลอดคืน ผมกับนายมั่นโปรดนัก อ้างว่า ลมแรง ดื่มเหล้าไม่ค่อยเมาดีและนอนหลับสบาย

ญาติคุณนพที่ตายยังเป็นสาวอยู่ทุกคน จึงต่างสงสารและอาลัยกันมาก แต่ผมกับนายมั่นไม่เคยรู้จักและไม่เคยพบ จึงไม่มีอาลัยอาวรณ์อย่างเขา ดวดเหล้ากันไปแประแล้ว ก็กลับสบายไป คุณนพนอนบนเก้าอี้นวมสำหรับนอนเล่นและวางอยู่ที่เฉลียงชิดลูกกรงด้านหนึ่ง ผมกับนายมั่นบรรทมเข้าที่เสื่อปูชิดคุณนพ พลิกคว่ำพลิกหงายสบายเพราะเป็นพื้นกระดาน ส่วนคุณนพเสียอีกต้องนอนที่แคบ ๆ แต่ก็ำจเป็น ท่านเป็นพระ ก็ต้องนอนสูงกว่าเรา แต่ท่านอนได้คืนเดียว ท่านก็บ่นเมื่อย นอนไม่สบาย ท่านจึงย้ายไปนอนเตียงไม้เตี้ย ๆ อีกด้านหนึ่ง ผมกับนายมั่นนอนที่เก่า ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นนอนเก้าอี้นวมแทนคุณนพ แต่เจ้ากรรมมันก็ไม่เมื่อยอะไรนัก แต่มันจะตกน่ะซี นอนได้ไม่ตลอดคืน ก็เสด็จกลับลงมากองกับเสื่อข้างนายมั่นตามเคย