กฎหมายไทยฯ/เล่ม 1/เรื่อง 13
ศุภมัศดุ ลุศักราช ๑๒๓๕ กุกกุฎสังวัจฉระ กติกมาศ กฤษณปักษ ทวาทัศมีดิถี อาทิตยวาร ปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุศย์รัตนราชรวิวงษ์ วรุตมพงษบริพัฒน์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรติราชสังกาศ บรมธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมหัยศวริยพิมานโดยถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมราชวงษานุวงษ์แลท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสว่า (ทรงประกาศดังนี้) เรา พระเจ้ากรุงสยาม ฃอประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษ์ แลท่านเสนาบดี แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้ทราบทั่วกันว่า ซึ่งท่านทั้งหลายได้มอบศิริราชสมบัติให้เรา ยกขึ้นเปนพระเจ้ากรุงสยาม มิได้มีความรังเกียจนั้น เราคำนึงคิดเหนการดีของท่านเปนอันมาก ด้วยแต่กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยาเก่ายังดำรงค์อยู่นั้น พระเจ้าแผ่นดินได้ดำรงค์ราชสมบัติมาถึง ๓๔ พระองค์ เวลาเมื่อเปลี่ยนผลัดแผ่นดินใหม่บางครั้งก็เกิดยุทธนาการแย่งชิงด้วยอำนาจซึ่งกันแลกันจนถึงเกิดศึกในกลางพระนครเปนพิบัตต่าง ๆ ด้วยถือเปนพวกเปนเหล่าแตกร้าวปราศจากสามัคคีมีมานะทฤฐิไม่คิดตามการที่สมควรแทบจะทุกครั้งทุกคราวมาจนถึงตั้งกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยานี้ พระบรมราชวงษ์ซึ่งได้ดำรงค์ศิริราชสมบัติเปนประฐมกระษัตริย์มาถึง ๔ พระองค์ นับได้ ๙๐ ปีเสศ จนถึงแผ่นดินปัจยุบันนี้ ก็มิได้เกิดยุทธนาการแย่งชิงกันให้ได้ความเดือดร้อนแก่ประชาราษฎรแต่สักครั้งหนึ่งเลย ควรจะเหนความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งในพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการทั้งปวง ด้วยเรานี้มีอายุน้อยกว่าพระเจ้าแผ่นดินแต่กาลก่อน ๆ มา ท่านทั้งปวงก็มิได้มีความรังเกียจ เพราะท่านมีใจรฤกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเปนต้นบรมวงษ์มาทุก ๆ พระองค์โดยลำดับ รับฉลองพระเดชพระคุณมิให้เสื่อมสูญเสียพระเกียรติยศ มีความสวามิภักดิสมัคสโมสรพร้อมเพรียงกัน การจึ่งเรียบร้อยตลอดมาได้ ก็เหนความดีความชอบในพระบรมวงษานุวงษ์แลท่านเสนาบดีแต่ก่อนซึ่งล่วงไปแล้วก็ดี แลที่ยังดำรงค์อยู่ในปัจยุบันก็ดี มีฉันทธยาไศรยพร้อมใจกันภักดีสัตยซื่อต่อพระบรมราชวงษ์นี้ จึ่งได้สืบอิศริยยศต่อ ๆ มาตามตระกูลเนื่องกันโดยการปรกติ มิได้อริร้าวราญ ก็เปนความดีอย่างยิ่ง เพราะฉนั้น เราก็มีจิตรคิดจะทำนุบำรุงวงษ์ตระกูลของท่านทั้งหลายให้เจริญยืดยาวปรากฎไปสิ้นกาลนาน จึ่งให้สร้างตราเครื่องราชอิศริยยศสำหรับสำแดงอิศริยยศแลความชอบแห่งท่านผู้ที่มียศบันดาศักดิ์สืบวงษ์ตระกูลมา เพื่อให้รฤกถึงท่านผู้ใหญ่ที่ได้รักษาแผ่นดินบังคับการมาแต่ก่อน ตลอดจนถึงท่านผู้ที่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินแลรักษากาลปัจยุบันนี้ จะได้เหนว่าสืบเนื่องตระกูลวงษ์ท่านไปสิ้นกาลนานเปนเกียรติยศแก่ท่านผู้มีความชอบทุก ๆ ตระกูลเนื่องไปมิให้เสื่อมทราม แล้วจงตั้งจิตรพร้อมใจกันช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินแลช่วยรักษาวงษ์ตระกูลซึ่งกันแลกันสืบต่อไปให้ปราศจากอัคติสี่ประการ ประกอบสามัคคีสโมสรเปนนิรันตรกาล ฉลองพระเดชพระคุณแต่ประฐมบรมกระษัตริย์มา ให้มีความศุขศิริสวัสดิ์อายุวัฒน์ยืนยาวจงทุกท่านทุกนามเทอญ
แล้วจึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งเจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ธิบดี ศรีสุวิรมหามัตยวงษ์ ราชพงษ์นิกรานุรักษ์ มหาสวามิภักดิ์บรมราโชปการาภิรมย์ สรรโพดมกิจวิจารณ์ มหามณเฑียรบาลบดินทร ราชนิเวศนิลทรามาตย์ อันเตปุริกนารถเสนาบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ ซึ่งเปนประธานาธิบดีในกรมวัง ให้ประกาศแก่พระบรมราชวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนฤๅผู้หนึ่งผู้ใดที่จะได้รับเครื่องราชอิศริยยศในแผ่นดินสยามให้ทราบทั่วกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตราเครื่องราชอิศริยยศสำหรับพระราชทานสำแดงอิศริยศแลความชอบผู้ที่มียศบันดาศักดิ์ตระกูลวงษ์สืบมา เพื่อจะให้เปนที่รฤกถึงท่านผู้ใหญ่ที่ได้รักษาแผ่นดินแลรักษากาลมาแต่ก่อน ตลอดจนถึงท่านผู้ที่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินแลรักษาการประจุบันด้วย จะได้เปนที่รฤกสืบตระกูลของท่านไปสิ้นกาลนาน จึ่งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งพระราชบัญญัติแลคำประกาศไว้สำหรับดวงตรา เพื่อจะให้ท่านทั้งปวงทราบทั่วกันดังนี้ เครื่องราชอิศริยยศซึ่งทรงพระราชดำริห์ให้สร้างขึ้นคราวนี้ชื่อจุลจอมเกล้า เปนตราสำหรับตระกูล แบ่งยศเปน ๓ ชั้น
ชั้นที่ ๑ ชื่อปฐมจุลจอมเกล้า มีดวงตราเล็ก ขอบตราข้างน่าเปนแฉกแปดแฉก ลงยาราชาวดีสีชมภู มีรัศมีทองออกตามระหว่างแฉก มีใบไชยพฤกษสองข้าง ลงยาราชาวดีสีเขียว กลางดวงตรานั้นเปนพระราชสาทิศฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอบพระราชฉายาลักษณ์ลงยาราวชดีสีขาบ ในกลางขอบมีตัวอักษรทองว่า (เราจะบำรุงตระกูลวงษ์ให้เจริญ) ปลายแฉกข้างบนมีจุลมงกุฎลงยาราชาวดีสีเขียวสีแดงสีขาบสีขาว ด้านหลังดวงตรานั้นเหมือนอย่างข้างน่า แปลกแต่ที่กลางดวงตรานั้นเปนรูปช้างสามเศียรลงยาราชาวดีสีขาว บนหลังช้างมีรูปตริศูลลงยาราชาวดีสีขาว ขอบรอบช้างนั้นเปนจักรลงยาราชาวดีสีขาวพื้นแดง ในขอบจักรมีตัวอักษรทองว่า (ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕) ดวงตรานี้สำหรับห้อยผ้าสะภายสีชมภูอ่อนกว้าง ๔ นิ้ว สายสะภายบ่าขวามาซ้าย มีดวงตราใหญ่อิกดวงหนึ่งมีอักษร จ ทองคำประดับเพชรสามตัวไคว่กัน คือ (จุฬาลงกรณ์จุลจอมเกล้า) พื้นที่ชมภูขอบรอบตัว จ ลงยาราชาวดีสีขาบ มีอักษรตัวทองว่า (เราจะบำรุงตระกูลวงษ์ให้เจริญ) มีแฉกในแปดแฉกเปนรัศมีทอง แฉกนอกแปดแฉกเปนรัศมีเงิน สลักเปนเพชรโปร่ง ดวงตรานี้สำหรับติดเสื้อที่อกข้างซ้าย แลมีสายสร้อยทองคำสำหรับติดเสื้อครุยยาวหกสิบสามนิ้ว กลางสายสร้อยเปนรูปช้างสามเศียร มีจุลมงกุฎอยู่บนหลัง เครื่องสูงสองข้าง มีรูปราชสีห์คชสีห์ ตราแผ่นดินประคองอยู่กลาง มีอักษร จ ป ร ไคว่กัน คือ (จุฬาลงกรณ์บรมราชา) เปนอักษรพระนามย่อในแผ่นดินปัจยุบันนี้ ๒๕ ดวง ดอกบัว ๒๖ ดอก สลับกันไปจนตลอดสายสร้อยนี้ สำหรับติดเสื้อเมื่อเต็มยศอย่างใหญ่ ห้อยดวงตราเล็กที่สายสร้อยแทนแพรสายแถบสะภาย ตราทั้งสองดวงแลสายสร้อยนี้รวมเปนชั้นที่หนึ่ง
ชั้นที่ ๒ ชื่อทุติยจุลจอมเกล้า มีดวงตราเล็กเหมือนชั้นที่หนึ่ง ห้อยสายแถบสีชมภูอ่อนขนาดกลางกว้าง ๒ นิ้ว สรวมฅอ แลมีดวงตราใหญ่เปนรัศมีเงินแปดแฉก กลางมีตัว จ ทองคำสามสามตัวไคว่กัน คือ (จุฬาลงกรณ์จุลจอมเกล้า) พื้นลงยาราชาวดีสีชมภูอ่อน ขอบตัว จ ลงยาราชาวดีสีขาบ มีอักษรตัวทองว่า (เราจะบำรุงตระกูลวงษ์ให้เจริญ) สำหรับติดเสื้อที่อกข้างซ้าย เปนดวงตราวิเสศสำหรัปเพิ่มเข้าในชั้นที่ ๒
ชั้นที่ ๓ ชื่อตะติยจุลจอมเกล้า มีดวงตราเล็กเหมือนชั้นที่สอง แต่ย่อมหน่อยหนึ่ง ห้อยสายแพรแถบสีชมภูอ่อน ขนาดเล์กกว้างนิ้วกึ่ง มีเข็มทองสำหรับติดเสื้อที่อกข้างซ้าย เปนชั้นที่สาม แลมีเหรียญเงิน มีรูปตราเหมือนดวงตราตติยจุลจอมเกล้า ชื่อตติยานุจุลจอมเกล้า เพิ่มขึ้นในชั้นตติยจุลจอมเกล้าอิก รวมเปน ๓ ชั้นด้วยกันดังนี้
สำหรับดวงตรา ๑๕ ข้อ
ข้อ๑ดวงตราสำหรับเครื่องราชอิศริยยศทั้งสามชั้นนี้มีกำหนดสร้างได้ครั้งเดียว ซึ่งจะทำเพิ่มเติมขึ้นอีกไม่ได้ ถ้าตราไม่ภอแจก ต้องงดรอผู้ที่ได้รับไปไม่มีตัวแล้วส่งตราคืนมายังเจ้าพนักงาน แล้วจึ่งจะแจกต่อไปได้ อนึ่ง จำนวนดวงตราเครื่องราชอิศริยยศซึ่งได้ทรงสร้างขึ้นไว้ครั้งนี้ คือ ชั้นที่หนึ่ง สำหรับสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเปนเจ้าของตราเครื่องราชอิศริยยศนี้ ฤๅพระบรมราชวงษานุวงษ์ซึ่งจะได้สืบพระราชอิศริยยศเปนพระเจ้าแผ่นดินแลดำรงค์วงษ์ตระกูลรักษาเครื่องราชอิศริยยศต่อไปดวงหนึ่ง ดวงตราแลสายสร้อยประดับเพ็ชร์เนาวรัตนทั้งสิ้นสำหรับพระราชทาน ๒๐ ดวง เปนชั้นที่หนึ่ง ชื่อปฐมจุลจอมเกล้า
ชั้นที่ ๒ ๘๐ ดวง ชื่อทุติยจุลจอมเกล้า กับดวงตราวิเสศอิก ๕๐ ดวง
ชั้นที่ ๓ ๑๐๐ ดวง ชื่อตติยจุลจอมเกล้า กับดวงตราเหรียญเงิน ชื่อตติยานุจุลจอมเกล้า อีก ๑๐๐ ดวง รวมดวงตรา ๓๕๑ ดวงเท่านั้น
ข้อ๒เครื่องราชอิศริยยศนี้ ดวงตราชั้นที่หนึ่ง สำหรับพระราชทานพระบรมราชวงษานุวงษ์ผู้ใหญ่ซึ่งเปนหัวน่าในราชตระกูล แลท่านอัคมหาเสนาบดีจัตุ⟨ส⟩ดมภ์ แลหัวเมืองซึ่งเปนเมืองเอกที่มีถานันดรยศเปนเจ้าพระยา แลท่านผู้ที่ได้รับตรานพรัตนราชวราภรณ์ จึ่งจะรับดวงตรานี้ได้ ชั้นที่สอง สำหรับพระราชทานพระองค์เจ้าต่างกรมแลยังไม่ได้ตั้งกรม แลข้าราชการที่ได้รับพานทอง ดวงตราวิเสศอิก ๕๐ ดวงนั้น สำหรับพระราชทานในพระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าราชการซึ่งได้รับพระราชทานพานทอง ซึ่งมีความดีควรจะเพิ่ม แล้วแต่จะพระราชทาน
ชั้นที่ ๓ สำหรับพระราชทานบุตรชายที่หนึ่งของท่านผู้ที่ได้ดวงตราชั้นที่หนึ่งแต่ในขณะเมื่อบิดายังมีชีวิตรอยู่ แลสำหรับพระราชทานบุตรชายใหญ่ที่ ๑ ของท่านผู้ที่ได้รับดวงตราชั้นที่ ๒ เมื่อบิดาสิ้นชีพแล้ว
ข้อ๓บุตรชายใหญ่ซึ่งจะได้รับตราแทนบิดาสืบตระกูลต่อไปนั้น จะต้องพระราชทานบุตรชายใหญ่ซึ่งเกิดด้วยภรรยาหลวง ถ้าบุตรภรรยาหลวงไม่มี จึ่งจะพระราชทานบุตรภรรยาน้อยซึ่งเปนผู้ใหญ่ อนึ่ง บุตรชายใหญ่ของท่านที่ได้รับเครื่องราชอิศริยยศเปนที่ ๑ ก็ดี ที่ ๒ ก็ดีนั้น เปนนักเลงสูบฝิ่นเล่นเบี้ยไม่เปนราชการ ไม่ควรที่จะรักษาเครื่องราชอิศริยยศไว้ได้ ก็ให้เจ้าพนักงานมีแต่บาญชีไว้ ไม่ให้ดวงตราไป ถ้าบุตรชายใหญ่นั้นถึงแก่กรรมแล้ว ก็เปนสูญ อนึ่ง ถ้าบุตรชายใหญ่เสียจริตฤๅถึงแก่กรรมเสียแต่บิดายังมีชีวิตรอยู่ ตรานั้นต้องตกแก่หลานซึ่งเปนบุตรของบุตรชายใหญ่ ถ้าหลานชายใหญ่ไม่มี ให้ตกเปนของบุตรชายที่สองที่ร่วมมารดาเดียวกันกับบุตรชายที่หนึ่ง ถ้าบุตรชายที่สองไม่มี ให้ตกเปนของบุตรชายคนใดคนหนึ่งซึ่งเปนคนเรียบร้อยแลได้ราชการดีกว่าบุตรอื่น ๆ ในตระกูลนั้น ถ้าบุตรคนไรซึ่งได้รับตรานั้นทำราชการดี เลื่อนขึ้นเปนชั้นที่ ๒ ฤๅชั้นที่ ๑ ก็ดี ก็ได้สืบตระกูลนั้นไปในบุตรตามอย่างที่ว่ามาแล้วนั้น ถ้าไม่ได้เลื่อนยศ คงอยู่แต่ชั้นที่ ๓ เมื่อถึงแก่กรรมแล้ว บุตรของผู้นั้นไม่ได้รับ เปนขาดกันเท่านั้น
ข้อ๔ถ้าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งผู้ที่ยังไม่มีตระกูลมาแต่เดิม ฤๅบุตรที่รองบุตรคนใหญ่ของผู้ที่มีตระกูลมาแต่เดิม ให้ตั้งตระกูลสืบต่อไป ก็จะพระราชทานดวงตราชั้นที่ ๒ บุตรของผู้นั้นจึ่งจะได้รับตรารักษาตระกูลนั้นต่อไปดังเช่นว่ามาแล้วนั้น
ข้อ๕ผู้ซึ่งจะได้รับเครื่องราชอิศริยยศทั้งสามนี้มีกำหนดอายุพ้น ๒๑ ปีขึ้นไปจึ่งจะได้รับ เว้นไว้แต่ท่านผู้ที่ได้รับตราเครื่องราชอิศริยยศนพรัตรราชวราภรณ์ พระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่ แลพระบรมราชวงษานุวงษ์ที่ได้รับตำแหน่งยศที่ต่างกรมแต่เมื่อพระชนมายุศมยังไม่ถึง ๒๑ ปี ฤๅได้พระราชทานพานทองเปนเครื่องยศแล้ว ก็ควรรับได้
ข้อ๖ผู้ซึ่งได้รับดวงตราทั้งสามชั้นนี้มีหนังสือสำคัญสำหรับดวงตราประทับพระราชลัญจกรกำกับด้วยทุกดวง ถ้าผู้ที่ได้รับตราไปแล้วสิ้นชีพล่วงไป ให้คืนดวงตรามายังเจ้าพนักงาน แต่หนังสือสำคัญสำหรับดวงตรานั้นไม่ต้องคืน จะได้ไว้ให้แก่บุตรหลานเปนที่รฤกต่อไปข้างน่า
ข้อ๗ท่านผู้ที่ได้รับตราเครื่องราชอิศริยยศชั้นที่หนึ่ง จะทำสายสร้อยสำหรับดวงตราไว้ใช้ ก็ให้ทำตามตำแหน่งยศ คือ ท่านผู้ที่ได้พานทองลงยาราชวดี ก็ให้ทำสายสร้อยลงยาราชาวดี ถ้าได้พานทองคำเปล่า ก็ให้ทำสายสร้อยทองคำเปล่า จะลงยาราชาวดีฤๅจะประดับเพชรพลอยด้วยไม่ได้
ข้อ๘ท่านผู้ที่ได้ดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์นั้น ฤๅท่านผู้ที่ได้รับเครื่องราชราชอิศริยยศมหาวราภรณ์ฤๅมหาสุราภรณ์ ถ้าได้ตราจุลจอมเกล้าชั้นที่หนึ่ง เมื่อเวลาแต่งตัวเต็มยศ จะใช้ตราจุลจอมเกล้าด้วย ก็ให้ใช้ตราดวงเล็กสรวมฅอแขวนด้วยสายสร้อย ฤๅสายแถบขนาดกลาง แทนสายสะภาย
ข้อ๙เมื่อผู้ใดได้รับตราเครื่องราชอิศริยยศนี้เ⟨เ⟩ล้ว จะจำลองดวงตราให้เล็กลง จะประดับเพชรประดับพลอยให้งามดี สำหรับไว้ใช้ฤๅจะไว้ให้เปนที่รฤกแต่บุตรหลานต่อไปก็ได้ แต่ตราหลวงนั้นต้องคืนยังเจ้าพนักงานตามธรรมเนียม
ข้อ๑๐ท่านผู้ที่ได้รับเครื่องราชอิศริยยศทั้งปวงนั้น ให้หมายตัวอักษรท้ายชื่อบอกเครื่องราชอิศริยยศ คือ ป จ คือ ปฐมจุลจอมเกล้า แทนชั้นที่ ๑ ทจ ทจว ทุติยจุลจอมเกล้า ฤๅทุติยจุลจอมเกล้าวิเสศ แทนชั้นที่ ๒ ต จ ต น จ ตติยจุลจอมเกล้า ฤๅตติยานุจุลจอมเกล้า แทนชั้นที่ ๓
ข้อ๑๑ผู้ที่ได้รับเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้าชั้นที่ ๑ ที่ ๒ นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ผู้นั้นให้มียศบันดาศักดิ์เสมอตำแหน่งที่ได้รับพระราชทานพานทอง คือ ใช้แคร่ แลเรือกัญญาพนักทอง แลอื่น ๆ ได้ตามยศพานทองทุกอย่าง ๆ
ข้อ๑๒เมื่อเวลาแต่งตัวเต็มยศติดคเรื่องราชอิศริยยศมาด้วย ทหารซึ่งอยู่ประจำในที่ต่าง ๆ ต้องคำนับว่า (วันธิยาวุธ คือ ปริเซนอาร์ม) แต่ผู้ที่ได้ดวงตราที่ ๓ นั้น ทหารต้องคำนับว่า (อิงศิเณวุธ คือ โชลเดออาร์ม) ยกเสียทหารซึ่งเข้าแถวใหญ่แลมีผู้มีบันดาศักดิ์ใหญ่อยู่ที่นั้น ถ้ามีคดีเกี่ยวข้องกับผู้ใดซึ่งได้ดวงตราด้วยกัน ก็ไม่ต้องไปฟ้องร้องณโรงศาล ให้ทำเรื่องราวมายื่นต่อเจ้าพนักงานใหญ่ให้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสิ่งไร ฤๅถ้าเปนความเกี่ยวข้องกับพวกอื่น ก็ให้ทำเรื่องราวมายื่นต่อเจ้าพนักงานให้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ใดเปนตระลาการชำระ
ข้อ๑๓ดวงตราสำหรับอิศริยยศแลหนังสือสำคัญสำหรับดวงตราซึ่งพระราชทานไปแล้วนั้น มีกำหนดจะต้องคืนส่งต่อเจ้าพนักงานด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ ผู้ที่ได้รับไปนั้นเปนกระบถแผ่นดิน ๑ ต้องโทษอุกกฤษจนถึงต้องประหารชีวิตร ๑ ต้องโทษถึงริบราชบาทว์ ๑ ต้องส่งดวงตราแลหนังสือสำคัญต่อเจ้าพนักงาน เปนเลิกตระกูล บุตรไม่ได้รับสืบไป
ข้อ๑๔ทรงพระกรุณาโปรดตั้งเจ้าพนักงานสำหรับดวงตราเครื่องราชอิศริยยศตามตำแหน่งอย่างยุโรป ที่ ๑ แกรนดมาสเตอ ที่ ๒ ชานเซเลอร์ ที่ ๓ สเกตตารี ที่ ๔ ริยิศเตอ รวมเปน ๔ ตำแหน่ง
ข้อ๑๕เมื่อถึงวันต้นครบปีที่ออกคำประกาศแลพระราชทานดวงตรานี้ ให้บันดาผู้ที่ได้รับเครื่องราชอิศริยยศทั้งปวงแต่งตัวเต็มยศมาประชุมกันบูชาพระรูปสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินในพระบรมราชวงษ์นี้ที่ในพระบรมมหาราชวังให้พร้อมกันทุกท่านทุกนายเทอญ ๚ะ
