จดหมายเหตุ เรื่อง เจ้าพระยาภูธราภัยยกกองทัพไปปราบฮ่อ/ตอนที่ 2

ตอนที่ ๒ อธิบายว่าด้วยพวกฮ่อ

มนุษย์จำพวกที่เรียกกันว่า "ฮ่อ" นี้ เรามักเข้าใจกันแต่ก่อนว่า เปนชนชาติหนึ่งต่างหาก เมื่อครั้งปราบฮ่อคราว พ.ศ. ๒๔๑๘ พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) จับได้ฮ่อส่งลงมายังกรุงเทพฯ มีเสียงกระซิบนินทากันว่า พระยามหาอำมาตย์จับเจ๊กส่งลงมาลวงว่าฮ่อ เพราะผู้ทนินทานั้นหารู้ความจริงไม่ว่า ฮ่อมันก็เจ๊กนั่นเอง เปนแต่พวกไทยทางฝ่ายเหนือไม่เรียกว่า เจ๊ก เขาเรียกว่า ฮ่อ มาแต่โบราณ แม้ในหนังสือพระราชพงศาวดารซึ่งกล่าวถึงเรื่องจีนตีเมืองพม่าเมื่อตอนก่อนศึกอะแซหวุ่นกี้ ก็เรียกว่า ฮ่อ ตามคำไทยข้างฝ่ายเหนือ บางทีคำที่เรียกว่า ฮ่อ นี้ ชั้นเดิมทีเดียวจะหมายความว่า พวกมงโคลที่ได้เปนใหญ่ในเมืองจีนครั้งราชวงศ์หงวน ฤๅมิฉะนั้น จะหมายความว่า พวกเม่งจูที่ได้เปนใหญ่ในเมืองจีนครั้งราชวงศ์ไต้เชง เรียกให้ผิดกับจีนก็อาจจะเปนได้ แต่ในชั้นหลังมา พวกชาวลานช้างแลลานนาในมณฑลภาคพายัพเรียกบรรดาเจ๊ก (ทั้งจีนแลเม่งจู) ที่ลงมาทางบกแต่ฝ่ายเหนือว่า ฮ่อ ตามอย่างโบราณ เรียกพวกเจ๊กที่ขึ้นไปจากกรุงเทพฯ ว่า จีน ฤๅ เจ๊ก ตามคำชาวกรุงเทพฯ จึงชวนให้ชาวกรุงเทพฯ เข้าใจว่า ฮ่อเปนชนชาติหนึ่งต่างหาก

พวกฮ่อที่มารบกับไทยนั้น ที่จริงเปนจีนแท้ทีเดียว เดิมจีนพวกนั้นเปนขบถ เรียกพวกของตนว่า "ไต้เผง" หมายจะชิงเมืองจีนจากอำนาจพวกเม่งจู เกิดรบพุ่งกันในเมืองจีนเปนการใหญ่หลวง ในที่สุด พวกไต้เผงสู้ไม่ได้ ต้องหลบหนีแยกย้ายกันไปเที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ตามป่าแลภูเขาในมณฑลต่าง ๆ ทั้งในมณฑลฮกเกี้ยน กวางไส กวางตุ้ง แลเสฉวน มีจีนไต้เผงนั้นพวก ๑ ประมาณ ๔๐๐๐ คน ผู้เปนหัวหน้าชื่อ ง่ออาจง พากันอพยบหนีเข้ามาในแดนญวนทางเมืองตังเกี๋ยเมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๐๘ จีนพวกนี้ที่มาเปนพวกฮ่อ ชั้นเดิมมาตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ญวนเกรงพวกฮ่อจะมาก่อการกำเริบขึ้น จึงบอกไปขอกำลังจีนที่เมืองฮุนหนำ จีนให้กองทัพมีจำนวนพลประมาณ ๑๐,๐๐๐ คนมาสมทบกับกองทัพญวนยกไปตีพวกฮ่อ ๆ สู้ไม่ไหว ง่ออาจง นาย ตายในที่รบ พรรคพวกที่เหลือตายก็พากันแตกหนีไปอาศรัยอยู่ที่เมืองซันเทียนอันเปนเมืองของพวกแม้วตั้งเปนอิศระอยู่บนภูเขาที่ชายแดนจีนต่อกับแดนสิบสองจุไทย พวกไพร่พลพร้อมกันยกน้องชายของง่ออาจง ชื่อ ปวงนันซี ขึ้นเปนหัวหน้า ตั้งซ่อมสุมรี้พลอยู่ที่เมืองซันเทียนนั้น ครั้นถึงปีขาล พ.ศ. ๒๔ ปวงนันซีได้กำลังมาก ก็ยกกองทัพฮ่อไปตีเมืองเลากายในแดนญวน เขตรตังเกี๋ย พวกจีนกับญวนยกกองกัพมารบ สู้พวกฮ่อไม่ได้ ปวงนันซีตีได้เมืองเลากายเมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ แต่เมื่อได้เมืองเลากายแล้ว ปวงนันซีเกิดเปนอริกับนายทัพคนสำคัญในพวกฮ่อคน ๑ ชื่อ ลิวตายัน พวกฮ่อเกิดรบกันขึ้นเอง ปวงนันซีสู้ไม่ได้ ก็พาพรรคพวกรี้พลของตนแยกมาตั้งซ่องที่เมืองฮายางในแดนสิบสองจุไทย ฮ่อพวกลิวตายันใช้ธงดำ ฮ่อพวกปวงนันซีใช้ธงเหลือง จึงได้นามว่า ฮ่อธงดำ พวก ๑ ฮ่อธงเหลือง พวก ๑ แต่นั้นมา[1] อยู่มา ญวนเกลี้ยกล่อมยอมให้พวกฮ่อปกครองเมืองเลากายขึ้นต่อญวน ฝ่ายพวกฮ่อธงเหลืองไม่มีบ้านเมืองอยู่เปนหลักแหล่งเหมือนพวกฮ่องธงดำ จึงประพฤติเปนโจรคุมกำลังเที่ยวตีปล้นบ้านเมืองในแดนสิบสองจุไทยแลเมืองพวน แห่งใดต่อสู้ ถ้าแพ้ฮ่อ ๆ ก็จับเหล่าตัวนายที่เปนหัวหน้าฆ่าเสีย แล้วเก็บริบเอาทรัพย์สมบัติแลจับลูกหลานบ่าวไพร่เปนเชลย ใครมีทรัพย์ ยอมเสียค่าไถ่ตัว ฮ่อก็ปล่อยตัวไป ที่ไม่สามารถจะไถ่ตัวได้ ก็เอาไปแปลงเปนฮ่อไว้ใช้สอยเปนกำลัง ถ้าแห่งใดยอมทู้ ไม่ต่อสู้พวกฮ่อ ก็เปนแต่กะเกณฑ์ใช้เปนกำลังพาหนะ พวกฮ่อธงเหลืองเที่ยวตีบ้านเมืองโดยอาการดังกล่าวมานี้ตั้งแต่ปีแรกในรัชกาลที่ ๕ ได้หัวเมืองในแดนสิบสองจุไทยแลแดนเมืองญวนหลายเมือง ถึงปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ ฮ่อยกลงมาตีเมืองพวน ท้าวขันตี เจ้าเมืองเชียงขวาง อันเปนเมืองหลวงในแดนพวน ให้ไปขอกำลังญวนมาช่วย ญวนให้กองทัพมา ก็พ่ายแพ้ฮ่อ ๆ จึงได้เมืองเชียงขวาง แล้วปราบปรามแดนพวนไว้ได้ในอำนาจทั้งหมด แล้วจึงลงมาตั้งค่ายใหญ่อยู่ที่ทุ่งเชียงคำอันเปนต้นทางที่จะลงมาทางหัวเมืองริมแม่น้ำโขงแลจะไปตีเมืองหลวงพระบางต่อไป


  1. ตามฝรั่งกล่าวว่า ปวงนันซีเปนพวกธงดำ ลิวตายันเปนพวกธงเหลือง แต่ตามที่พวกฮ่อตัวนายให้การแก่กองทัพไทยกลับกันไป เห็นว่า จะถูกอย่างพวกฮ่อว่า