สำหรับงานที่มีชื่อทำนองเดียวกัน ดู พระราชบัญญัติลักพา
ประกาศ
พระราชบัญญัติลักพา

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า คนมีแผลคัน ถ้าจะห้ามไม่ให้เกา ยังมีที่ว่าควรจะห้ามอยู่ เพราะว่าเกาเข้าหนังถลอกฤๅที่คันนั้นจะเปนเมดยอดสำคัญก็ให้โทษมาก ก็ผู้มีบุตรหญิงจะมาขังไว้ไม่ให้มีผัวนั้นต้องการอะไร ก็ผู้มีบันดาศักดิ์จะกักบุตรหญิงไว้ไม่ให้มีผัวเพราะกลัวจะปนรคนด้วยชาติต่ำช้าเพราะบุตรเกิดมาเขานับถือขึ้นชื่อตามหมู่บิดา ถ้าชายชาติต่ำช้ามาเปนผัวหญิงบุตรก็ดี มีบุตรเกิดขึ้นมา ก็คงจะต้องรู้ ต้องเรียกว่าเปนบุตรไพร่ตามตระกูลบิดา จะเชิดชูตามฝ่ายมารดามิได้ ด้วยเหตุนี้ บิดาของหญิงที่มีบันดาศักดิ์จะขังจะกักบุตรหญิงของตัวไว้ด้วยกลัวปะปนรคนด้วยคนต่ำ ๆ ก็ควร เพราะฉนั้น ถ้าบิดาหญิงฤๅมารดาหญิงมีศักดินาสูงตั้งแต่ ๔๐๐ ขึ้นไป ถ้าฝ่ายตระกูลชาย คือ ตัวชาย ฤๅบิดาของหญิง ฤๅปู่ตัวปู่ข้างชิด ๆ ของชาย มีบันดาศักดิ์สูงเสมอบิดาหญิง ฤๅสูงกว่าบิดาหญิง ถ้าปู่แลบิดายังมีตัวอยู่ มาเปรียบเทียบตกลงกับบิดาของหญิงก็เปนดี ถ้ามิตกลง ก็ต้องตัดสินว่าตามแต่ใจหญิงสมัค เพราะฝ่ายชายเปนบุตรผู้มีบันดาศักดิ์ มิใช่ไพร่ ก็ถ้าฝ่ายชายฤๅบิดาแลปู่ของชายต่ำศักดิ์กว่าบิดาของหญิง ต้องสุดแต่ใจบิดาของหญิง เมื่อบิดาของหญิงไม่รังเกียจเสียใจด้วยบุตรช้ำชอกแล้วนั้น จะเรียกเอาตัวคืนก็ได้เพื่อจะเอาตัวมากักขังไว้ รักษาตระกูลบันดาศักดิ์ ก็สุดแต่ใจของบิดาหญิงที่มีบันดาศักดิ์ จะยอมยกให้ก็ได้ ไม่ยอมยกให้ก็ได้ จะเรียกตัวคืนมาแล้วไปยอมยกให้คนอื่นก็ได้ ชายที่ต่ำศักดิ์มาล่วงเกิน จะให้ทำโทษให้ฤๅจะให้ปรับไหมเปนเบี้ยเลมิดให้ก็ได้ ถึงมาขอสมาแล้วก็ไม่คุ้มเบี้ยเลมิดได้ แต่การอย่างนี้ ว่าแต่ในเรื่องฝ่ายข้างบิดาหญิงมีบันดาศักดิ์สูง ฝ่ายชายมีบันดาศักดิ์ต่ำ ก็ถ้าฝ่ายชายฝ่ายหญิงมีบันดาศักดิ์สูงด้วยกันก็ดี บันดาศักดิ์ต่ำด้วยกันก็ดี ให้ตัดสินเอาตามใจหญิงสมัคอย่างเดียว ถ้าหญิงสมัคจะกลับมาอยู่กับบิดามารดา ก็ให้กลับมา ถ้าสมัคจะไปกับชายชู้ ก็ให้ไป ถ้าได้มาขอสมารับผิดแล้ว ข้างบิดามารดาหญิงรับสมาก็ดี ไม่รับก็ดี ไม่มีเบี้ยเลมิด แต่สิ่งของ ๆ ฝ่ายบิดามารดาหญิงหายไปเมื่อเวลาลักภากันเท่าใด ให้เจ้าทรัพย์สาบาลตราสินไว้โดยไม่ตราสินด้วยเข้าใจว่ามิใช่ผู้ร้ายอื่น เมื่อมาให้การกำหนดของแม่นยำว่าเฉภาะหายในวันนั้นเวลานั้นเท่าใดสาบาลได้ เมื่อจะยอมให้แก่บุตรหญิงเท่าใด ก็ให้ยอม เหลือนั้นให้ชายผู้ลักภาต้องใช้ทั้งสิ้น แต่ผู้ชักสื่อแลพวกเพื่อนที่มากับชายและเจ้าสำนักที่ต่าง ๆ ถ้าแม้นลักภากันสูญหายไปไม่ได้ตัวหญิงไม่ได้ตัวชายฤๅไม่ได้ทั้งสองคน จึ่งควรต้องฟ้องต้องเกาะครองเร่งรัดให้ส่งให้นำ ถ้าได้ตัดหญิงตัวชายมาแล้ว โทษผู้ชักสื่อแลผู้มาเปนเพื่อนผู้ลักภาแลเจ้าสำนักให้ยกเสีย แต่การข้างผู้มีบันดาศักดิ์ยังมีนัยที่จะว่าไปหลายอย่างอยู่ ถ้าที่อยู่ของบิดามารดาเปนวังเจ้าบ้านขุนนางผู้ใหญ่มีข้างน่าข้างในกำหนดกดชามั่นคง คนผู้ล่วงเกินเข้าไป ก็จะต้องให้มีโทษสมควรแก่วังใหญ่วังน้อยตามบันดาศักดิ์ใหญ่น้อยของท่านเจ้าของวังเจ้าของบ้าน อนึ่ง ผู้มีบันดาศักดิ์สูงต่ำจะว่าตามศักดินาเปนแม่นย่ำก็ไม่ได้ เพราะผู้มีศักดินาสูงลางจำพวกก็เปนแต่ผู้ดีชั้นเดียว เมื่อมาข้องมาเกี่ยวกับผู้มีบันดาศักดิ์สืบตระกูลมาหลายชั่วแผ่นดิน ก็จะต้องรู้ว่า ผู้มีบันดาศักดิ์ชั้นเดียวเหมือนกับไพร่ แต่การในเรื่องอย่างนี้ก็ไม่เปนวิสัยที่ลูกขุนจะตัดสินได้ ต้องเรียนท่านเสนาบดีให้ตัดสินฤๅกราบทูลพระกรุณาให้ทรงตัดสิน เพราะในการในทิศในทางที่ไม่เคย ถ้าตัดสินไม่ชอบกล ก็จะเปนเยี่ยงเปนอย่างไป ต้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ตัดสิน จึ่งจะควร แต่ในการผู้มีบันดาศักดิ์ต่อผู้มีบันดาศักดิ์ด้วยกัน ในการที่เหมือน ๆ กัน เคยสมาคมกันอยู่แล้ว ให้ตัดสินว่า สุดแต่ใจหญิง ฤๅสุดแต่ใจบิดามารดาฝ่ายหญิง แลบิดามารดาทั้งสองข้างประนีประนอมกันตามยศบรรดาศักดิ์ทั้งสองฝ่าย ถ้าบิดามารดาหญิงเปนสูงศักดิ์ตัดอาไลยไม่เอาเปนธุระไม่ภอใจที่จะว่าถึง ถ้าผู้หญิงคบชายที่ไม่ควรแท้ พระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงพระราชดำหริห์ตัดสินให้ทำโทษชายแลจำจองหญิงตามอำนาจแผ่นดิน ไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติยศแก่ราชตระกูล แต่ในการเช่นนี้ ไพร่ผู้ไม่มีบันดาศักดิ์แลเชื้อสายตระกูลสูงที่ได้รู้อยู่ทั่ว ๆ กันแล้ว แลมีศักดินาต่ำกว่า ๔๐๐ ไร่ลงไป ทั้งสองฝ่ายไม่ควรที่จะมาหาทางวุ่นวายเอาอย่างท่านผู้มีบันดาศักดิ์สูงเลย บุตรหญิงของใคร ๆ จงระวังรักษาเอง จงหาผัวให้เปนที่ชอบใจให้เร็ว ๆ เถิด ถ้าเกิดเหตุติดตามผู้ชายไป ก็จะต้องคงลงให้ถามตามใจหญิงสมัค ผู้ลอบลักภา ถ้าไม่ด้ขอสมา ก็ให้มีเบี้ยเลมิด ของซึ่งหายในเวลาหญิงหนีตามชายไป เจ้าทรัพย์สาบาลได้ว่า หายในเวลานั้น ผู้ลักภาก็ต้องใช้ต้องเร่งรัดให้ใช้เจ้าของทรัพย์จงเต็มฤๅตามใจเจ้าทรัพย์จะยอมลดยอมให้บ้าง จะให้ว่ายิ่งกว่านี้ไปไม่ได้ เพราะบิดามารดาแลญาติผู้ใหญ่เลี้ยงบุตรหลานไม่ดี ว่านี้ตามการปรกติ ถ้าการวิปริต คือ ชายหลอกลวงลักภาหญิงไปแล้วไปฆ่าฟันรันตีแย่งชิงสิ่งของ ฤๅไปชวนชายอื่นมาข่มขืนทำยับเยินแลเอาไปขายเปนคนชั่ว ฤๅหญิงไม่สมัค คุมพวกพ้องมาฉุดคร่าเอาตัวไปด้วยพลการเช่นนี้ ถึงผู้มีบันดาศักดิ์สูงเปนเจ้าเปนนายทำ ก็มีโทษมีความผิดต่อแผ่นดินระบินเมือง ควรต้องลงพระราชอาญาเสมอฤๅใกล้กับโทษผู้ร้ายปล้น บันดาศักดิ์แลตระกูลไม่คุ้ม ผู้ที่ถูกพิพาทอย่างนี้ ถึงจะไม่ได้ฟ้องโรงศาลด้วยเห็นการว่าจะเนิ่นช้าไป จะมาร้องถวายฎีกาทีเดียว ก็จะรับ แต่การจะเปนอันฉุดฤๅไม่เปนอันฉุด จะต้องฟังเอาคำหญิงคนกลางประมาณ เพราะการลางเรื่องฉุดล้ม ๆ กันก็มี ถ้าหญืงสมัคอยู่กับชายแล้ว จะเอาเรื่องฉุดขึ้นมาว่าไม่ได้

อนึ่ง หญิงซึ่งตามชายไปโดยความสมัครักใคร่กันเอง บิดามารดาไม่ได้ยอมยกให้ ไม่ได้ตกแต่งมีทุนมีสินสอดอย่างนี้ ก็ชื่อว่า เปนหญิงไม่ดี ชายจะถือว่าเปนเมียไม่ได้ ก็เมื่อไม่สมัคอยู่กับชาย จะหนีกลับมาหาบิดามารดาแลญาติพี่น้องก็ดี จะตามชายอื่นไปก็ดี ชายที่เรียกว่าเปนผัวนั้นจะตามฟ้องเร่งรัดเอาตัวฤๅจะเอาเบี้ยปรับแก่ชายชู้ใหม่ไม่ได้ เพราะมันมาฉันใด ให้มันไปฉันนั้น จะตามว่ากล่าวได้แต่สิ่งของ ๆ ตัวที่หญิงฉกลักไปเมื่อวันหนี แลที่ได้ทำตราสินสาบาลไว้ หรือหนี้สินเกี่ยวข้องแก่ผู้อื่นอย่างไรเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ถ้าเมื่อหญิงอยู่ในเรือนชายคบชายอื่นเปนชู้เข้ามาในเรือน ตัวชายที่เปนผัวจับได้หรือสืบความได้ ชายที่เปนผัวควรจะร้องฟ้องว่ากล่าวให้มีเบี้ยปรับไหมเหมือนอย่างผู้ร้ายขึ้นเรือน แต่เรื่องทำชู้ในเมีย ให้ยกเสีย เพราะเมียเปนหญิงไม่ดีมาแต่เดิมแล้ว ถ้าบิดามารดาของหญิงกลับมาดีด้วยบุตรหญิง อุปถัมภ์ค้ำชูให้ทุนรอนทาษกรรมกรณ์เครื่องเย่าเรือน หรือหญิงนั้นมีบุตรกับชายที่ตัวตามมา บิดามารดากลับรักใคร่ว่าเปนหลาน ตั้งแต่การเมื่อหญิงนั้นดีกับบิดามารดา แลบิดามารดาของหญิงนับถือชายนั้นว่าเปนเขย เรียกใช้สอยกิจการต่าง ๆ เปนปรกติไป เมื่อนั้นจะว่าชายหญิงนั้นเปนเมีย ถ้าหญิงนั้นมีชู้ จะฟ้องร้องชายชู้ตามลักษณผัวเมียก็ได้ เพราะโทษที่ให้เปนร้ายกลายเปนดีไปเสียแล้ว ประกาศนี้ให้รู้ทั่วไปทุกโรงทุกศาลว่า เปนพระราชกำหนดใหม่ ให้สุภาตระลาการถือตาม แลอย่าให้ลูกขุนเก็บเอาการที่ว่าในกฎหมายเก่า ๆ ซึ่งเปนอันขัดแก่พระราชบัญญัตินี้มาว่าจู้จี้เปนสำนวนทุ่งเถียงวุ่นวายไป

ประกาศพระราชบัญญัติใหม่มาณวันพุฒ เดือนเจ็ด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีมโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๓๐ ฤๅเปนวันที่ ๖๒๒๔ ในราชการประจุบันนี้