ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 55/ภาค 1/เรื่อง 18
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
พล.อ. พิชเยนทรโยธิน
ปรีดี พนมยงค์
เป็นปีที่ ๙ ในรัชชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยราชบัณฑิตยสถาน
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา๑พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๔๘๕”
มาตรา๒ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา๓ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๔๗๖
มาตรา๔ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา๕ให้ราชบัณฑิตยสถานเป็นทะบวงการเมือง อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี
มาตรา๖ให้ราชบัณฑิตยสถานมีหน้าที่
(๑)ค้นคว้าและบำรุงสรรพวิชาให้เป็นคุณประโยชน์แก่ชาติและประชาชน
(๒)ติดต่อและแลกเปลี่ยนความรู้กับองค์การปราชญ์อื่น ๆ
(๓)ให้ความเห็น คำปรึกษา และปฏิบัติการเกี่ยวกับวิชาตามความประสงค์ของรัฐบาล
มาตรา๗ให้แบ่งงานของราชบัณพิตยสถานเป็น ๓ สำนัก คือ
(๑)สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง
(๒)สำนักวิทยาศาสตร์
(๓)สำนักศิลปกรรม
มาตรา๘ให้แบ่งวิชาของสำนักธรรมศาสตร์และการเมืองเป็น ๓ ประเภท คือ
(๑)ปรัชญา
(๒)สังคมศาสตร์
(๓)ประวัติศาสตร์
มาตรา๙ให้แบ่งวิชาของสำนักวิทยาศาสตร์เป็น ๓ ประเภท คือ
(๑)วิทยาศาสตร์กายภาพ
(๒)วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
(๓)วิทยาศาสตร์ประยุกต
มาตรา๑๐ให้แบ่งวิชาของสำนักศิลปกรมเป็น ๓ ประเภท คือ
(๑)วรรณศิลป
(๒)สถาปัตยศิลป
(๓)วิจิตรศิลป
มาตรา๑๑การแบ่งวิชาแต่ละประเภทออกเป็นสาขา ให้เป็นไปตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๑๒ราชบัณฑิตยสถานมีสมาชิก ๓ ประเภท คือ
(๑)ภาคีสมาชิก
(๒)ราชบัณฑิต
(๓)ราชบัณฑิตกิติมศักดิ์
มาตรา๑๓ภาคีสมาชิกได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒฑิในสาขาใดสาขาหนึ่งแห่งวิชาซึ่งสมัครเข้าทำการร่วมกับราชบัณฑิตยสถานโดยได้ยื่นความจำนงตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน และเมื่อราชบัณฑิตยสถานได้รับสมัครแล้ว
คุณวุฒฑิดังกล่าวในวรรคก่อนได้แก่การแสดงความสามารถดังต่อไปนี้
(ก)ได้คิดขึ้นใหม่หรือคิดแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นซึ่งแบบวิธีหรือหลักอันใดซึ่งราชบัณฑิตยสถานเห็นว่าเป็นประโยชน์ถึงขนาด
(๒)ได้แต่งหนังสือซึ่งราชบัณฑิตยสถานเห็นว่าดีถึงขนาด และหนังสือนั้นได้พิมพ์โฆษณาแล้ว ถ้าเป็นหนังสือซึ่งแปลจากภาษาอื่น ต้นฉบับต้องเป็นที่ยกย่องว่าเป็นหนังสือชั้นเยี่ยม และคำแปลนั้นเป็นคำแปลที่ถูกต้อง
(๓)ได้แสดงฝีมือจนมีชื่อเสียงเกียรติคุณในศิลป และ
(๔)ได้เคยสอนวิชาฉะเพาะในฐานะอาจารย์แห่งสำนักอุดมศึกษาซึ่งรัฐบาลได้รับรองแล้ว
ความในมาตรา ๑๓ นี้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทนโดยมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ. ราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๗
มาตรา๑๔ผู้สมัครเป็นภาคีสมาชิกจะสมัครได้แต่ในสำนักเดียวและฉะเพาะวิชาเดียว
มาตรา๑๕จำนวนภาคีสมาชิกซึ่งจะมีได้ในแต่ละสำนัก ให้กำหนดไว้ในระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๑๖ราชบัณฑิตได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒฑิในวิชาใดสาขาหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เลือกและนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิต
ความในมาตรา ๑๖ นี้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทนโดยมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ. ราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๗
มาตรา๑๗เมื่อมีตำแหน่งราชบัณฑิตว่างลงในสาขาใดสาขาหนึ่งแห่งวิชา ให้ที่ประชุมราชบัณฑิตเลือกภาคีสมาชิกในสาขาแห่งวิชานั้นและเสนอนามไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตในตำแหน่งที่ว่างนั้น
ความในมาตรา ๑๗ นี้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทนโดยมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ. ราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๗
มาตรา๑๘ราชบัณฑิตกิติมศักดิ์ได้แก่ผู้ทรงเกียร⟨ติ⟩คุณในวิชาประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงแต่งตั้งเป็นพิเศษตามคำแนะนำของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๑๙สมาชิกราชบัณฑิตยสถานจะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุ
(๑)ตาย
(๒)ลาออก
(๓)ไร้ความสามารถ หรือ
(๔)ที่ประชุมราชบัณฑิตวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งโดยที่คะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนราชบัณฑตที่มาประชุม
การพ้นจากตำแหน่งของราชบัณฑิตตามอนุมาตรา ๒ และอนุมาตรา ๔ ให้นำความกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ
ความในมาตรา ๑๙ นี้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทนโดยมาตรา ๖ แห่ง พ.ร.บ. ราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๗
มาตรา๒๐เมื่อทรงแต่งตั้งราชบัณฑิตแล้ว
(๑)ให้ราชบัณฑิตแต่ละสำนักประชุมกันเลือกตั้งราชบัณฑิตในสำนักของตนเป็นประธานและเลขานุการสำหรับสำนัก
(๒)ให้ราชบัณฑิตทุกสำนักรวมกันประชุมเลือกตั้งราชบัณฑิตเป็นนายก อุปนายก และเลขาธิการรราชบัณฑิตยสถานเพื่อปฏิบัติงานทั่วไปตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๒๑นายก อุปนายก เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กับทั้งประธานและเลขานุการซึ่งได้เลือกตั้งขึ้นตามความในมาตรา ๒๐ นั้น ให้ดำรงตำแหน่งสองปี เมื่อครบกำหนดแล้ว ให้มีการเลือกตั้งใหม่ และจะเลือกตั้งผู้ที่รับตำแหน่งมาแล้วอีกก็ได้
มาตรา๒๒ให้มีการประชุมของสำนักตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถานเพื่อปรึกษาการงานของสำนักและแถลงเรื่องที่ค้นคว้าได้ ทั้งเพื่อวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับความรู้บรรดาที่ภาคีสมาชิกและราชบัณฑิตส่งมายังสำนักตามความในมาตรา ๒๘
มาตรา๒๓ให้มีการประชุมราชบัณฑิตทุกสำนักร่วมกันอย่างน้อยปีละสองครั้งเพื่อปรึกษาการงานของราชบัณฑิตยสถาน และพิจารณาเรื่องที่สำนักต่าง ๆ นำเสนอ รวมตลอดทั้งวางระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๒๔ในการประชุมและการปรึกษาของราชบัณฑิตยสถาน ให้นำข้อบังคับการประชุมและการปรึกษาของสภาผู้แทนราษฎรมาใช้โดยอนุโลม
มาตรา๒๕ในการประชุมของสำนักตามมาตรา ๒๒ ภาคีสมาชิกสำนักนั้น ๆ มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและแสดงความเห็น ไต่ถาม หรืออภิปราย แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
มาตรา๒๖ในการประชุมราชบัณฑิตตามมาตรา ๒๓ ภาคีสมาชิกทุกสำนักมีสิทธิเข้าฟังการประชุม แต่ไม่มีสิทธิแสดงความเห็น ไต่ถาม หรืออภิปรายอย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา๒๗บุคคคลภายนอกจะเข้าฟังการประชุมและการปรึกษาของราชบัณฑิตยสถานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตและได้ปฏิบัติตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๒๘ภาคีสมาชิกและราชบัณฑิตมีหน้าที่เสนอเรื่องเกี่ยวกบวิชาที่ตนค้นคว้าได้ต่อสำนักของตนตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๒๙ข้อความที่พิจารณากันในที่ประชุม ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชา ให้ราชบัณฑิตยสถานนำออกโฆษณาเท่าที่จะทำได้
มาตรา๓๐ให้สมาชิกมีเอกสิทธิประดับเครื่องหมายตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๓๑ให้ภาคีสมาชิกมีเอกสิทธิรับเงินอุปการะตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
มาตรา๓๒ให้ราชบัณฑิตมีเอกสิทธิดังต่อไปนี้
(๑)รับเงินอุปการะตามระเบียบการของราชบัณฑิตยสถาน
(๒)ได้ความยกย่องในงานพิธีหรือสโมสรสันนิบาตทางราชการเสมอด้วยข้าราชการชั้นพิเศษ
(๓)รับอุปการะจากราชบัณฑิตยสถานตามสมควร ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งและอยู่ในพฤตติการที่ควรอนุเคราะห์
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี