พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา (2455)/ภาค 1/แผ่นดินที่ 18
๏ ครั้นศักราช ๙๑๔ ปีชวด จัตวาศก เดือน ๑๒ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกก็ยกสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระมหินทราธิราชเสด็จขึ้นผ่านพิภพไอสุริยสวรรยาธิปัติถวลัยราชประเพณีครอบครองแผ่นดินกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกเสด็จออกไปอยู่ ณ พระราชวังหลัง ขณะนั้น พระชนม์ได้ ๕๙ พระพรรษา
๏ ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน เมื่อเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ พระชนม์ได้ ๒๕ พระพรรษา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกเวนราชสมบัติแล้ว ถึงเดือน ๓ ก็เสด็จขึ้นไปเมืองลพบุรี ตรัศให้บุรณะพระอารามพระศรีรัตนมหาธาตุให้บริบูรณ์ แลแต่งผขาวนางชีสองร้อยกับข้าพระให้อยู่รักษาพระมหาธาตุ แล้วก็เสด็จลงมายังกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
๏ ครั้งนั้น เมืองเหนือทั้งปวงเปนสิทธิ์แก่พระมหาธรรมราชาเจ้า อนึ่ง การแผ่นดินในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา พระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาลงมาประการใด สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินต้องกระทำตามทุกประการ ก็ขุ่นเคืองพระราชหฤไทย จึงเอาความนั้นไปกราบทูลสมเด็จพระราชบิดา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกก็น้อยพระไทย
๏ ขณะนั้น พระยารามออกจากที่กำแพงเพ็ชร เอามาเปนพระยาจันทบูร สมเด็จพระมหินทราธิราชก็ตรัศกิจการทั้งปวงด้วยพระยารามเปนความลับ แล้วก็ส่งข่าวไปแก่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตให้ยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก จึงพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็บำรุงช้างม้ารี้พลสรรพจะยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัศรู้ว่า พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหตุจะยกทัพมา มิได้แจ้งในกล ก็ส่งข่าวมาทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน ๆ ก็ให้พระยาสีหราชเดโชแลพระท้ายน้ำขึ้นไปช่วย แต่สั่งเปนความลับไปว่า ถ้าทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตล้อมเมืองพระพิศณุโลกเมื่อใด ก็ให้กุมเอาพระมหาธรรมราชาให้จงได้ เสร็จราชการแล้ว จะเลี้ยงท่านให้ถึงขนาด พระยาสีหราชเดโชไปถึงเมืองพระพิศณุโลก มิไว้ความลับ กลับเอาคดีซึ่งพระยารามกับสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินคิดการเปนความลับนั้นทูลแถลงแก่พระมหาธรรมราชาทุกประการ พระมหาธรรมราชาแจ้งตระหนัก ก็ให้ข้าหลวงเอาข่าวรุดขึ้นไปทูลแก่พระเจ้าหงษาวดี
๏ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็ยกช้างม้ารี้พลประมาณญี่หญิบแสนมาโดยทางนครไทยมายังเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาก็ให้กวาดครัวเมืองนอกทั้งปวงเข้าเมืองพระพิศณุโลก แลแต่งการที่จะกันเมืองไว้พร้อมเสร็จ
๏ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตยกมาถึงเมืองพระพิศณุโลกเดือนยี่ แรมสิบสามค่ำ ปีฉลู เบญจศก ก็ตั้งทัพพลับพลาไชยในตำบลโพธิ์เรียงตรงประตูสวรรค์ไกลออกไปประมาณ ๕๐ เส้น ทัพพระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้าตั้งตำบลเต่าไห้ พระยามือไฟตั้งตำบลวัดเขาพราหมณ์ ทัพพระยานครตั้งตำบลสระแก้ว ทัพพระยามือเหล็กตั้งตำบลบางสแก
๏ ฝ่ายสมเด็จพระมหินทราธิราชแจ้งกำหนดว่า ทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตยกมายังเมืองพระพิศณุโลกแล้ว พระองค์ก็กรีธาพลเสด็จขึ้นไปโดยทางชลมารค ตั้งทัพหลวงตำบลพิง พระยารามแลพระยาจักรีเปนกองน่า ขึ้นไปตั้งตำบลวัดจุฬามณี แลทัพเรือจอดแต่วัดจุฬามณีทั้งสองฟากน้ำแน่นตลอดลงไปจนทัพหลวง ณ ปากน้ำพิง แล้วก็บอกขึ้นไปว่า จะยกเข้าไปช่วยกันเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัศทราบการอยู่แล้ว ก็ให้ออกมาห้ามมิให้เข้าไป
๏ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแจ้งว่า สมเด็จพระมหินทราธิราชยกกองทัพเรือขึ้นมาเหมือนกำหนด ก็ดีพระไทย ตรัศให้ยกพลเข้าปีนเมือง แลแต่งทหารห่มเสื้อเหลืองสามพันหนุนพลเข้าไป เจ้าน่าที่เชิงเทินก็สาดปืนไฟแหลนหลาวต้องชาวล้านช้างตายมากนัก พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตเห็นดังนั้น ก็เสด็จยกพลเข้ายืนช้างที่นั่งแฝงวิหารอยู่แทบริมคูเมือง ให้เจ้าน่าที่ทำทุบทูบังตัวข้ามคูเข้าไปขุดถึงเชิงกำแพงเมือง ชาวพระพิศณุโลกผู้รักษากำแพงพุ่งอาวุธลงมามิได้ต้อง จึงพระมหาธรรมราชาก็เสด็จไปยืนช้างที่นั่ง ตรัศให้ขุนศรีเอาพลอาสาห้าร้อยออกทลวงฟัน พลลาวก็พ่ายออกไป พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็ถอยไปยังค่ายหลวง แลบัญชาให้นายทัพนายกองตั้งบรรชิเมือง
๏ ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาดำริห์การที่จะทำลายทัพเรือ ก็ตรัศให้เอาไม้ไผ่ผูกแพกว้าง ๑๐ วา ยาว ๒๐ วา ๕๐ แพ แล้วเอาเชื้อเพลิงใส่เต็มหลังแพ ชันน้ำมันยางรดทั่วไปทั้งนั้น แลให้แต่งเรือเร็วไว้สองลำสำหรับจะได้จุดเพลิง ครั้นจัดการเสร็จ ณ เดือน ๔ ขึ้นสี่ค่ำ เพลาเดือนตก ก็ให้ปล่อยแพติดกันลงไปถึงคุ้งเหนือวัดจุฬามณี เรือเร็วสองลำก็เอาเพลิงจุดเชื้อไฟหลังแพคลอดขึ้นมาทั้งสองข้าง เพลิงก็ติดรุ่งโรจเปนอันหนึ่งอันเดียว น้ำที่นั้นตื้นเชี่ยวก็พัดแพเร็วลงไป กองทัพเรือมิทันรู้ตัว เห็นแพไฟเต็มแม่น้ำลงมาก็ตกใจ ลงเรือทันบ้างมิทันบ้าง เยียดยัดคับคั่งเปนโกลาหล แพไฟก็ไหม้เรือต่อกันไป เสียเรือแลผู้คนตายเปนอันมาก เรือแลคนกองน่าที่เหลือนั้นก็ล้นลงไปยังทัพหลวง ณ ปากน้ำพิง
๏ ฝ่ายทัพพระเจ้าหงษาวดีแจ้งข่าวว่า เมืองพระพิศณุโลกเกิดศึก ก็ใช้พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ มาเปนนายกอง ม้าพันหนึ่ง พลหมื่นหนึ่ง รุดมาช่วยกันเมืองพระพิศณุโลก พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ ก็ยกทัพม้ามาถึงเมืองพระพิศณุโลก เห็นข้าศึกล้อมแล้วก็ตีหักเข้าด้านพระยามือเหล็กซึ่งตั้งในบางสะแก ทัพพระยามือเหล็กต้านมิได้ ก็พ่ายแยกออกไป พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญก็เข้าเมืองพระพิศณุโลกได้ พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ กับพลทหารชาวหงษา ก็เข้าไปถวายบังคมพระมหาธรรมราชา ๆ ก็ให้รางวัลแก่ผู้มาช่วยทั้งปวงเปนอันมาก สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินรู้ว่า พระเจ้าหงษาวดีให้กองทัพมาช่วยเมืองพระพิศณุโลก เห็นการศึกไม่สมหมายแล้ว ก็เลิกกองทัพคืนลงมายังพระนครศรีอยุทธยา
๏ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตเห็นว่า จะเอาเมืองพระพิศณุโลกมิได้ ก็เลิกทัพจากเมืองพระพิศณุโลกคืนไปโดยทางบ้านมุงดอนชมภู จึงพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญทูลแก่พระมหาธรรมราชาว่า ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอยกไปตามตีทัพพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตให้แตกฉานเปนบำเหน็จมือ พระมหาธรรมราชาก็ตรัศห้ามว่า ศึกใหญ่มิได้แตกฉานล่าไปดังนี้ อันจะยกไปตามนั้นหาธรรมเนียมมิได้ พระยาทั้งสองก็ทูลว่า พระเจ้าหงษาวดีใช้ข้าพเจ้าทั้งสองมาครานี้ยังไป่ได้รบพุ่งเปนสามารถ ครั้นข้าพเจ้าจะมิยกไปตามไซ้ เห็นว่า พระเจ้าหงษาวดีจะเอาโทษ พระมหาธรรมราชาก็ตรัศว่า ท่านทั้งสองยกมาก็ได้กระทำการรบพุ่งมีไชยอยู่แล้ว แลซึ่งว่า พระเจ้าหงษาวดีจะโทษนั้น เปนภารธุระเรา ถ้าท่านมิฟัง จะขืนยกไปให้ได้ เห็นจะเสียทีข้าศึกเปนมั่นคง พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ มิได้ฟังบัญชา กราบถวายบังคมลา แล้วก็ยกพลไปตาม
๏ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต เมื่อล่าทัพไปนั้น บัญชาให้พระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้า พระยานคร พระยามือไฟ ทั้งสามทัพนี้อยู่รั้งหลัง ครั้นถึงตำบลวารี แลทางนั้นแคบ พระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้า พระยานคร พระยามือไฟ แต่งพลทหารซุ่มไว้สองข้างทาง แล้วขยับมาตั้งพลอยู่ทางประมาณ ๓๐ เส้น แต่งม้าไว้คอยยั่วทัพอันไปตาม พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญยกไปถึงตำบลวารี มิทันรู้ว่า ทัพใหญ่ตั้งรับอยู่ในที่นั้น เห็นแต่ม้าเท่านั้น ก็ไล่เข้าไป ทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตก็ยอพลออกรับปะทะกันจนถึงอาวุธสั้น ฝ่ายทหารชาวล้านช้างอันซุ่มไว้นั้นเห็นได้ที ก็ออกโจมตีกระหนาบ ทัพพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญก็แตกฉาน ทัพล้านช้างไล่ฟันแทงพลหงษาวดีตายมากนัก นายม้าผู้ดีตายหลายคน ทัพพระยาภุกาม พระยาเสือหาญ เสียม้าแลเครื่องสาตราวุธเปนอันมาก ก็พ่ายคืนมาเมืองพระพิศณุโลก ครั้นเสร็จการศึก พระยาสีหราชเดโชมิได้ลงไป ก็อยู่ด้วยพระมหาธรรมราชา แต่พระท้ายน้ำหนีลงไปพระนครศรีอยุทธยา
๏ ถึง ณ เดือน ๘ ปีขาล ฉศก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกก็เสด็จทรงพระผนวช ข้าราชการก็บวชโดยเสด็จเปนอันมาก ฝ่ายพระมหาธรรมราชาทราบพระไทยตระหนักว่า สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินคิดการทั้งปวงด้วยพระยารามพิดทูลยุยง แลสัญญาแก่พระเจ้าล้านช้างให้ยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก พระองค์ก็ให้มีหนังสือรับสั่งลงไปถึงสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินว่า เมืองพิไชยหาเจ้าเมืองมิได้ จะขอพระยารามขึ้นมาเปนพระยาพิไชย สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินครั้นตรัศทราบดังนั้นก็เคืองพระไทย ฝ่ายพระยารามแจ้งดังนั้น กลัวพระมหาธรรมราชาจะส่งตัวไปหงษาวดี ก็ทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินว่า ข้าพเจ้าได้ฟังซึ่งกิจการในเมืองพระพิศณุโลกนั้นว่า พระมหาธรรมราชาคิดการทั้งปวงเปนฝ่ายข้างพระเจ้าหงษาวดี แลเอาเมืองเหนือทั้งปวงไปขึ้นแก่พระเจ้าหงษาวดีแล้ว บัดนี้ จะย้ายเอาท้าวพระยาผู้ใหญ่ในพระนครไปยังหงษาวดีเล่า แลซึ่งพระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาพระองค์ลงมาเปนสิทธิดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นมิควร ถ้าแลศึกหงษาวดีมาถึงพระนครก็ดี ข้าพเจ้าขอประกันการตกแต่งป้องกันพระนครไว้ให้ได้ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็เห็นชอบด้วย ก็บัญชาโดยพระยาราม