ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทรัพยศาสตร์/คำนำพิมพ์ครั้งที่ 1"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย "{{หัวเรื่อง <!-- ข้อมูลหลัก --> | ชื่อ = ทรัพยศาสตร์ | ปี = 2518 | ผู้..."
 
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 20:
{{กลาง|คำนำพิมพ์ครั้งที่ ๑}}
 
วิชาเศรษฐวิทยาซึ่งชี้แจงความละเอียดในหลักฐานของการสร้างทรัพย์ การจำหน่ายทรัพย์ การแลกเปลี่ยนและการใช้ทรัพย์ ซึ่งรวมทั้งสิ้นจะจัดได้ว่าเป็นความรู้ในการทำมาหากินของบุคคลทั่วไปโดยทางที่จะใช้ทรัพย์ให้เปลืองน้อย และให้ได้ประโยชน์มากที่สุดที่จะทำให้แก่บุคคลและบ้านเมืองนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าจนทุกวันนี้ยังไม่มีผู้ใดได้ริอ่านแต่งเรื่องหรือแปลออกจากตำราของชาวประเทศยุโรปพิมพ์ขึ้นเป็นภาษาไทยบ้างเลย และได้ทราบว่ากรมศึกษาของรัฐบาลก็จะจัดการสอนวิชานี้ขึ้นตามโรงเรียนในเร็ว ๆ นี้ด้วยข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จัตั้งต้นศึกษาวิชาทางนี้อยู่บ้างจึงได้เรียบเรียงแต่งเศรษฐวิทยาเล่มนี้ขึ้นตามตำราที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามา ถึงจะได้ความรู้ในหนังสือนี้แต่เล็กน้อยก็เชื่อว่าจะเป็นการแนะนำแก่ผู้ที่จะตั้งต้นศึกษา ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะหมั่นไปนั่งฟังเลคเชอร์ในโรงเรียนแต่วันละน้อยได้ หรือเมื่อได้ฟังเลคเชอร์มาแล้วจะอ่านเศรษฐวิทยานี้เป็นเครื่องประกอบความตรึกตรองต่อไปก็ได้ ม่ได้เป็นนักเรียนอ่านเข้าใจความมุ่งหมายของเข้าพเจ้าให้ง่ายขึ้น ไม่ให้เป็นการได้หน้าลืมหลัง ต้องพลิกดูหนังสือย้อนหลังขึ้นไปบ่อย ๆ นั้นเป็นต้น คิดเห็นว่าพูดให้ชัดเจนเสียทีเดียวดีกว่าที่จะพูดห้วน ๆ ให้เข้าใจยากไป
 
ในบรรดาผู้ที่ยังไม่ได้เคยศคกษวิชาทางนี้บ้างเลยนั้น ข้าพเจ้าขอแนะนำผู้ที่จะเรียนทำราชการ และผู้ที่จะเรียนทำการค้าขายหรือทำมาหากินเป็นผลประโยชน์นั้น ให้ได้อ่านเศรษฐวิทยานี้โดยจำเพาะ โดยที่เชื่อว่าเมื่อได้อ่านและได้ใช้สติปัญญาตรึกตรองดูตามข้อความต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้ตามแบบแผนของนักปราชญ์แต่ก่อนและในปัจจุบันนี้แล้ว คงจะได้ความรู้ในตำรานี้ไปใช้เป็นประโยชน์ได้เป็นแน่ และถึงอย่างไรก็คงจะดีกว่าที่ไม่ได้ศึกษาวิชาทางนี้บ้างเลย
 
พวกไทยเราแทบทุกคนที่ได้เดินทางไกลไปนอกพระราชอาณาเขตสยามนั้น พอล่วงเข้าในเขตแดนของประเทศอื่นเห็นประชุมชนพลเมืองต่สงชาติต่างภาษา ที่นุ่งห่มผิดกันกับเรามีกิริยาอัธยาสัยถือธรรมเนียมและศาสนาผิดกับเราโดยทั่วไปแล้วคงจะนึกเห็นพวกเราพวกเขาชัดแจ้งขึ้นกว่าแต่ก่อนในทันใดนั้นเอง และเหตุที่พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนของเราออกไปอยู่ในหมู่คนต่างประเทศ จนรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเศร้าใจคิดถึงบ้านและญาติพี่น้องเพื่อนรักหนักขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นแหละจะเป็นเวลาที่จะรู้สำนึกได้ว่า อ๋อความรักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ของเราที่เป็นกันเองกับเราแท้นั้น มีแก่กล้าอยู่ในน้ำใจที่จริงของเราเพียงใด ในที่สุดเมื่อได้ไปพบปะไคนไทยชาติเดียวกันเมื่อใด ถึงจะไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกันมาแต่ก่อน พอแลเห็นเข้าก็ให้นึกรักกันเสียแล้ว เกิดมีความเมตตาปรานีมีน้ำใจเอื้อเฟื้อแก่กันขึ้นในทันใดนั้นเอง ความรู้สึกอย่างนี้มีน้ำหนักผิดกันกว่าเมื่ออยู่ในเมืองไทยด้วยกัน เห็นหน้ากัน