ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หน้า:ตำนานเงินตรา - ดำรง - ๒๔๗๔.pdf/12"

Bitterschoko (คุย | ส่วนร่วม)
→‎ยังไม่พิสูจน์อักษร: สร้างหน้าด้วย "เหรียญทองคำราคาเหรียญละสิบสลึง (ตรงกับตำลึงจีน) ด้วยอ..."
 
Bitterschoko (คุย | ส่วนร่วม)
สถานะของหน้าสถานะของหน้า
-
ยังไม่พิสูจน์อักษร
+
พิสูจน์อักษรแล้ว
เนื้อหาของหน้า (จะถูกรวม):เนื้อหาของหน้า (จะถูกรวม):
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
เหรียญทองคำราคาเหรียญละสิบสลึง (ตรงกับตำลึงจีน) ด้วยอีกอย่างหนึ่ง เมื่อประกาศให้ใช้เงินตราอย่างเหรียญแล้ว เงินพดด้วงก็ยังโปรดอนุญาตให้ใช้อยู่ เป็นแต่ไม่ทำเพิ่มเติมขึ้น
เหรียญทองคำราคาเหรียญละ ๑๐ สลึง (ตรงกับตำลึงจีน) ด้วยอีกอย่างหนึ่ง เมื่อประกาศให้ใช้เงินตราอย่างเหรียญแล้ว เงินพดด้วงก็ยังโปรดฯ อนุญาตให้ใช้อยู่ เป็นแต่ไม่ทำเพิ่มเติมขึ้น


ต่อมาอีกสองปี ถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๕ โปรดให้โรงกระษาปณ์ทำเหรียญดีบุกขึ้นเป็นเครื่องแลกใช้แทนเบี้ยหอย เหรียญดีบุกนั้นก็มีตราพระมหามงกุฎกับฉัตรและตราช้างในวงจักร ทำนองเดียวกับตราเงินเหรียญ ทำเป็นสองขนาด ขนาดใหญ่ให้เรียกว่า "อัฐ" ราคาแปดอันเฟื้อง เท่ากับอันละร้อยเบี้ย ขนาดเล็กให้เรียกว่า "โสฬส" ราคาสิบหกอันเฟื้อง เท่ากับอันละห้าสิบเบี้ย การใช้เบี้ยหอยก็เป็นอันเลิกแต่นั้นมา
ต่อมาอีกปี ถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๕ โปรดฯ ให้โรงกระษาปณ์ทำเหรียญดีบุกขึ้นเป็นเครื่องแลกใช้แทนเบี้ยหอย เหรียญดีบุกนั้นก็มีตราพระมหามงกุฎกับฉัตรและตราช้างในวงจักร ทำนองเดียวกับตราเงินเหรียญ ทำเป็นขนาด ขนาดใหญ่ให้เรียกว่า "อัฐ" ราคาอันเฟื้อง เท่ากับอันละ ๑๐๐ เบี้ย ขนาดเล็กให้เรียกว่า "โสฬส" ราคา ๑๖ อันเฟื้อง เท่ากับอันละ ๕๐ เบี้ย การใช้เบี้ยหอยก็เป็นอันเลิกแต่นั้นมา


ถึงปีกุน พ.ศ. ๒๔๐๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริให้สร้างเหรียญทองคำมีตราทำนองเดียวกับเงินเหรียญขึ้น สำหรับใช้เป็นเครื่องแลก สามขนาด ขนาดใหญ่ให้เรียกว่า "ทศ" ราคาสิบอันต่อชั่งหนึ่ง คือ อันละแปดบาท (เท่าราคาทองปอนด์อังกฤษในสมัยนั้น){{วว}}
ถึงปีกุน พ.ศ. ๒๔๐๖ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริให้สร้างเหรียญทองคำมีตราทำนองเดียวกับเงินเหรียญขึ้น สำหรับใช้เป็นเครื่องแลก ขนาด ขนาดใหญ่ให้เรียกว่า "ทศ" ราคา ๑๐ อันต่อชั่งหนึ่ง คือ อันละบาท (เท่าราคาทองปอนด์อังกฤษในสมัยนั้น){{วว}}