ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 7/เรื่องที่ 2"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
สร้างหน้าด้วย "๔๙ <big>'''คำให้การเถ้าสา เรื่องหนังราชสีห์'''</big> ข้าพระพุทธ..."
 
Praesideo (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่เนื้อหาด้วย "{{หัวเรื่อง | ชื่อ = ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 7 | ปี = 2461 | ผู้สร้างสรรค์ = | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 2. คำให้การเถ้าสา เรื่อง หนังราชสีห์ | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า =..."
ป้ายระบุ: ถูกแทน
บรรทัดที่ 1:
{{หัวเรื่อง
๔๙
| ชื่อ = [[../../|ประชุมพงษาวดาร]] [[../|ภาคที่ 7]]
<big>'''คำให้การเถ้าสา เรื่องหนังราชสีห์'''</big>
| ปี = 2461
 
| ผู้สร้างสรรค์ =
ข้าพระพุทธเจ้า เถ้าสาอายุได้ ๘๕ ปี ให้การว่า เดิมเมื่อครั้งพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ข้าพระพุทธเจ้าอยู่กับนายอูผัวข้าพระพุทธเจ้าณป่าทองในกรุงเก่า ผัวข้าพระพุทธเจ้าเปนขุนหมื่นอยู่ในกรมรักษาพระองค์ ครั้นพม่าล้อมเมืองเอาไฟเผาเมือง ผัวข้าพระพุทธเจ้ากับข้าพระพุทธเจ้าเข้าไปอยู่ในพระราชวัง ที่นั่งสุริ ยามรินทร์ กับพระเจ้าลูกเธอเจ้าชาย ๓ เจ้าหญิง ๑ สี่พระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าจำพระนามหาได้ไม่ เสด็จออกมา ข้าพระพุทธเจ้ากับผัวข้าพระพุทธเจ้าก็ตามเสด็จออกมาด้วย ครั้นถึงประตูดินผัวข้าพระพุทธเจ้าจึงส่งหนังอันนี้ให้ข้าพระพุทธเจ้า เห็นกระดาษห่ออยู่ข้างนอกหลายชั้น ผัวข้าพระพุทธเจ้าบอกข้าพระพุทธเจ้าว่า เมื่อเสด็จพระราชดำเนินออกมาจากพระมหาปราสาทนั้น ที่นั่งสุริยามรินทร์ส่งหนังอันนี้ให้ แล้วตรัสว่าหนังราชสีห์นี้เก็บไว้ให้ดีอย่าให้พม่าเอาไปได้ ข้าพระพุทธเจ้าก็รับเอาหนังราชสีห์อันนี้ห่อผ้าซ่อนไว้กับตัวข้าพระพุทธเจ้า ผัวข้าพระพุทธเจ้าจึงเอาบาตรเหล็กซึ่งใส่เครื่องทรงไปซ่อนไว้ ในกอไผ่หลังวัดหน้าพระเมรุ ผัวข้าพระพุทธเจ้าก็กลับมาถึงข้าพระพุทธเจ้า พออ้ายพม่าจับเอาที่นั่งสุริยามรินทร์ไป จึงตรัสเรียกผัวข้าพระพุทธเจ้าไปด้วย
| บรรณาธิการ =
| ผู้แปล =
 
<big>'''| ส่วน = 2. คำให้การเถ้าสา เรื่อง หนังราชสีห์'''</big>
 
| ผู้มีส่วนร่วม =
๕๐ ข้าพระพุทธเจ้ากับพี่น้องข้าพระพุทธเจ้า ๕ คน หนีเข้าซ่อนอยู่ในโบถวัดขุนเมืองใจ ประมาณ ๙ วัน ๑๐ วัน ครั้นเพลาค่ำพี่น้องข้าพระพุทธเจ้าเอาเรือมารับที่ประตูดิน ข้าพระพุทธเจ้าก็พากันลงเรือหนีลงมาอยู่กับเถ้าอินณวัดปากน้ำบางหลวง ข้าพระพุทธเจ้าจึงแก้กระดาษออกดู เห็นสักกระหลาดห่อหนังราชสีห์ ข้าพระพุทธเจ้าก็คลี่ดู เห็นแล้วข้าพระพุทธเจ้าก็ห่อเข้าไว้ดังเก่า ข้าพระพุทธเจ้าอยู่ประมาณปี ๑ พอผัวข้าพระพุทธเจ้าตามมาพบ ข้าพระพุทธเจ้าที่วัดปากน้ำ ผัวข้าพระพุทธเจ้าถามข้าพระพุทธเจ้า ว่า หนังราชสีห์ซึ่งให้ไว้ยังดีอยู่ฤๅ ข้าพระพุทธเจ้าบอกว่ายังอยู่ดีอยู่ดอก อยู่ประมาณ ๓ ปี ๔ ปี ผัวข้าพระพุทธเจ้าศรัทธาบวช เปนภิกขุอยู่ณวัดปากน้ำพอถึงแก่กรรมตาย อยู่ประมาณ ๑๑ ปี ๑๒ ปี ฝนตกรั่วถูกหีบที่ใส่ของไว้ ข้าพระพุทธเจ้ารฦกขึ้นได้จึงเปิดหีบดูของ แล้วข้าพระพุทธเจ้าจึงเอาหนังอันนี้ออกตากแดด พอสมีม่วงเดินลงมาเห็นหนังข้าพระพุทธเจ้าตากอยู่ ถามข้าพระพุทธเจ้าว่าหนังอะไรตากแดดอยู่นั้น ข้าพระพุทธเจ้าบอกว่าหนังราชสีห์ สมีม่วงจึงว่าดีแล้วข้าจะช่วยเก็บไว้ให้ แล้วข้าจะเลี้ยงยายให้ทานกินไปกว่าจะตาย ข้าพระพุทธเจ้าก็เอาหนังราชสีห์อันนี้ส่งให้แก่สมีม่วง ๆ ก็รับเอาไว้ประมาณ ๙ วัน ๑๐ วันสมีม่วงหาให้ทานข้าวปลาข้าพระพุทธเจ้ากินไม่ ข้าพระพุทธเจ้าโกรธ ข้าพระพุทธเจ้าจึงทวงเอาหนังราชสีห์ของข้าพระพุทธเจ้า
| ก่อนหน้า =
 
| ถัดไป =
 
| หมายเหตุ =
๕๑ ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง สมีม่วงก็หาให้ข้าพระพุทธเจ้าไม่ ข้าพระพุทธเจ้าจึงไปต่อว่าสมีม่วง ๆ ก็ให้หนังอันนี้มาแก่นายสัง ๆ จึงเอามาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ณวัน ๖ เดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ ปีรกาเบ็ญจศก จุลศักราช ๑๑๗๕ ( ในรัชกาลที่ ๒ ) เถ้าสา เถ้าอิน เอาหนังมาณเรือนนายฤทธิรณรงค์ หาพบตัวนายฤทธิไม่ มาเข้าเวรอยู่ในพระราชวัง พบแต่บิดานายฤทธิ์ ๆ จึงว่าหนังอันนี้เห็นปลาด เกลือกจะเป็นของต้องพระราชประสงค์ เพลาเช้านายฤทธิจึงจะลงไปเอาหนังอันนี้ขึ้นมาทูลเกล้า ฯ ถวาย เถ้าสา เถ้าอิน ก็พาเอาหนังอันนี้กลับไปให้พระสมุห์ดู นายสังจึงมาบอกแก่หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ๆ ก็ข้ามไปดูหนังอันนี้เห็นปลาดอยู่ให้งดไว้ก่อน เพลาเช้าพบนายฤทธิพร้อมกันที่วัดปากน้ำ จึงจะนำตัวข้าพระพุทธเจ้ากับหนังขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย ครั้นรุ่งเช้านายฤทธิรณรงค์กับหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ไปหาข้าพระพุทธเจ้า เอาหนังกับตัวข้าพระพุทธเจ้าขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เปนความ ( สัตย์จริงของ ) ข้าพระพุทธเจ้าเท่านี้ ขอเดชะ
| สถานีย่อย = ประวัติศาสตร์ไทย
 
}}
 
<pages index="ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗) - ๒๔๖๑.pdf" from="55" to="57"/>
 
 
๕๒ อธิบายเรื่องหนังราชสีห์ หนังที่กล่าวถึงในคำให้การนี้ ไม่ปรากฎว่าแล้วไปอยู่ที่ไหนต่อมา แต่ไม่ได้ใช้ในราชการ จึงเข้าใจว่าเมื่อถามคำให้การแล้ว จะไม่ทรงเชื่อถือว่าเปนหนังราชสีห์ แลไม่เชื่อคำให้การเถ้าสาว่าเปนความจริงด้วย เพราะที่เรียกกว่าหนังราชสีห์นั้นแต่ก่อนมา ถือกันว่ารูปร่างอย่างที่เขียนกันไว้แต่โบราณ เช่นเขียนในดวงตราพระราชสีห์เปนต้น เห็นเปนของไม่มีจริง ฤๅที่ยอมรับว่ามี คนก็เชื่อว่ามีในป่าพระหิมพานต์ อันมนุษย์จะพบเห็นได้ด้วยยาก มีเรื่องราวหนังสือพงษาวดารเหนือ ว่าขุนสิงหฬสาครไปได้หนังราชสีห์มาครั้งหนึ่ง ก็เปนเรื่องพิฦกกึกกือน่ากลัวอันตรายมาก พ้นวิไสยที่ใครจะไปทำอย่างขุนสิงหฬสาครได้อิก คติความคิดที่มาถืออย่างประเทศอื่นว่า ไลออน ฤๅ สิงโต นี้เองคือราชสีห์ ฉนี้ พึ่งมาปรากฎต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๔ แต่มีความปลาดอยู่ในเรื่องพระราชพงษาวดารว่า เมื่อในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศที่เรียกพระที่นั่งสุริยามรินทรนั้น แขกฤาฝรั่ง ชื่อ อะลังกะปูนีได้เอาสิงโตเข้ามาถวาย ถ้าหากเกิดความเชื่อถือในครั้งนั้นว่า สิงโต ฤา ไลออนเปนอย่างเดียวกับราชสีห์ หนังราชสีห์ที่มีในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ก็เห็นจะเปนหนังสิงโตตัวนั้นเอง แต่ที่เถ้าสาว่าตัวไปได้มาอย่างไรนั้นเปนคนละเรื่อง เหลือวินิจฉัย.