ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 5/คำนำ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xiengyod~thwikisource (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'คำนำ ด้วยท่านหุ่น โชติกเสถียร ต.จ. มาแจ้งความต่อ...'
 
Xiengyod~thwikisource (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1:
 
คำนำ
== คำนำ ==
 
ด้วยท่านหุ่น โชติกเสถียร ต.จ. มาแจ้งความต่อกรรมการหอพระสมุดวชิรญาณว่า จะทำการปลงศพ จางวางโท พระยารณไชยชาญยุทธ วรุตมราชภักดี พิริยพาหะ (ศุข โชติกเสถียร) ร ว. ม ส ม. ท จ ว. น ช . ว ป ร. ๓ สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ นายกองตรีเสือป่า ผู้เปนสามี มีศรัทธาจะรับสร้างหนังสือในหอพระสมุดสำหรับพระนครเปนของแจกในงานศพเรื่อง ๑ ขอให้กรรมการช่วยเลือกเรื่องหนังสือให้ ข้าพเจ้าจึงได้เลือกเรื่องหนังสือประชุมพงษาวดารภาคที่ ๕ ซึ่งพิมพ์ในเล่มนี้ ให้ท่านหุ่นพิมพ์เปนของแจกในงานศพพระยารณไชยชาญยุทธ
 
หนังสือประชุมพงษาวดาร เปนหนังสือเรื่องพงษาวดารเกร็ดต่าง ๆ ซึ่งมีแยกย้ายอยู่ที่โน่นบ้างที่นี่บ้างรวบรวมมาพิมพ์ไว้ด้วยกันเพื่อรักษาเรื่องพงษาวดารนั้น ๆ ไว้ แลให้บรรดาผู้ศึกษาโบราณคดีมีโอกาศพบเห็นสอบสวนได้สดวก ไม่มีกำหนดว่ากี่ภาคจะจบ ฤๅเรียบเรียงเปนลำดับอย่างไร แล้วแต่หอพระสมุด ฯ หาเรื่องพงษาวดารมาได้พอจะรวบรวมพิมพ์เปนภาคได้ ถ้ามีผู้ศรัทธาจะสร้างก็พิมพ์ออกเปนภาคหนึ่ง ๆ เปนลำดับกันไป หนังสือประชุมพงษาวดารที่ได้พิมพ์แล้ว ๔ ภาคนั้น คือ
 
ประชุมพงษาวดารภาคที่ ๑ มี ๖ เรื่อง คือ
๑ หนังสือพงษาวดารเหนือ
๒ หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
 
:๑ หนังสือพงษาวดารเหนือ
:๒ หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
:๓ หนังสือเรื่องครั้งศุโขไทยตามศิลาจาฤก
:๔ พงษาวดารเขมร
:๕ พงษาวดารพม่ารามัญ
:๖ พงษาวดารล้านช้าง
 
๓ หนังสือเรื่องครั้งศุโขไทยตามศิลาจาฤก
๔ พงษาวดารเขมร
๕ พงษาวดารพม่ารามัญ
๖ พงษาวดารล้านช้าง
ภาคที่ ๑ นี้ สมเด็จพระนางเจ้า สว่างวัฒนา สมเด็จพระมาตุฉา มีรับสั่งให้กรรมการหอพระสมุดวชิรญาณรวบรวมพิมพ์ เมื่อทรงบำเพ็ญพระกุศล ในงานศพหม่อมเจ้าดไนยวรนุช ท,จ. เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๗
 
ประชุมพงษาวดารภาคที่ ๒ มี ๕ เรื่อง คือ
 
๑ เรื่องตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
:๑ เรื่องตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
๒ พงษาวดารเมืองถลาง
:๒ พงษาวดารเมืองถลาง
๓ พงษาวดารเมืองไทรบุรี
:๓ พงษาวดารเมืองตรังกานูไทรบุรี
:๔ พงษาวดารเมืองกลันตันตรังกานู
:๕ พงษาวดารเมืองกลันตัน
 
ภาค ๒ นี้ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีดำรัสสั่งให้พิมพ์พระราชทานในงานศพฟักทองราชินีกูลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗
ประชุมพงษาวดารภาคที่ ๓ มี ๓ เรื่อง คือ
๑ พงษาวดารเมืองปัตตานี
๒ พงษาวดารเมืองสงขลา
๓ พงษาวดารเชียงใหม่
 
:๑ พงษาวดารเมืองปัตตานี
:๒ พงษาวดารเมืองสงขลา
:๓ พงษาวดารเชียงใหม่
 
ภาคที่ ๓ นี้ เจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร ฯ พิมพ์แจกในงานศพหม่อมเจ้าอรชร ในพระเจ้าบรมวงษ์เธอชั้น ๑ กรมหมื่นไกรสรวิชิต เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗
 
ประชุมพงษาวดารภาคที่ ๔ มี ๓ เรื่อง คือ
 
๑ พระราชพงษาวดารความแต่งครั้งกรุงเก่า
:๑ พระราชพงษาวดารความแต่งครั้งกรุงเก่า
๒ พงษาวดารเมืองลแวก
:๒ พงษาวดารเมืองลแวก
๓ พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ
:๓ พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ
 
ภาคที่ ๔ นี้ อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) พิมพ์แจกในงานศพพัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘
 
หนังสือประชุมพงษาวดารภาคที่ ๕ นี้มี ๔ เรื่อง คือ
 
๑ จดหมายเหตุจีน ว่าด้วยกรุงสยามแต่โบราณ
:๑ จดหมายเหตุจีน ว่าด้วยกรุงสยามแต่โบราณ
๒ ศักราชรัชกาลครั้งกรุงศรีอยุทธยาตามที่สอบใหม่
:๒ ศักราชรัชกาลครั้งกรุงศรีอยุทธยาตามที่สอบใหม่
๓ พงษาวดารลาวเฉียง ของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค)
:๓ พงษาวดารลาวเฉียง ของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค)
๔ พงษาวดารเมืองหลวงพระบาง
:๔ พงษาวดารเมืองหลวงพระบาง
 
หนังสือทั้ง ๔ เรื่องที่รวมพิมพ์ในประชุมพงษาวดารภาคที่ ๕ นี้มีคุณวิเศษอย่างไร จะอธิบายไว้พอเปนเครื่องกำหนดของท่านผู้อ่าน
 
หนังสือจดหมายเหตุจีนว่าด้วยสยามประเทศ ได้ตรวจสอบในหนังสือจีนมี ๕ เรื่อง คือ
๑ หนังสือฮ่วงเฉียวบุ๋นเหี่ยนทงเค้า
๒ หนังสือคิมเตี้ยซกทงจี่
 
:๑ หนังสือฮ่วงเฉียวบุ๋นเหี่ยนทงเค้า
:๒ หนังสือคิมเตี้ยซกทงจี่
:๓ หนังสือยี่จับสี่ซื้อ ตอนเหม็งซื้องั่วก๊กเลียดต้วน
:๔ หนังสือคิมเตี้ยซกทงเตี้ยน
:๕ หนังสือกึงตังทงจี่
จดหมายเหตุจีนเหล่านี้ หลวงเจนจีนอักษร (สุดใจ) พนักงานหอสมุด ฯ ได้แปลเปนภาษาไทยเฉภาะตอนที่กล่าวด้วยสยามประเทศ เรียบเรียงทูลเกล้า ฯ ถวายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปีระกาเอกศก พ. ศ. ๒๔๕๒ เจ้าพระยายมราชได้พิมพ์ช่วยในงานศพพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี๋ ณระนอง) สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็จเปนครั้งแรก เมื่อปีฉลูเบญจศก พ.ศ. ๒๔๕๖ ผู้ที่ได้อ่านพากันชอบ ด้วยได้ความรู้เรื่องพงษาวดารตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระร่วงศุโขไทยแลครั้งกรุงเก่าแปลก ๆ อิกหลายอย่าง แต่หนังสือเรื่องนี้เมื่อพิมพ์ครั้งแรกไปแจกไว้ตามหัวเมืองมาก เพราะทำศพพระยารัษฎานุประดิษฐที่เมืองระนอง ที่ในกรุงเทพ ฯ ไม่ใคร่จะมีใครได้อ่าน มีผู้มาสืบหาที่หอพระสมุด ฯ อยู่เนือง ๆ ไม่ขาด อิกประการ ๑ เมื่อพิมพ์ครั้งแรกนั้น ยังไม่ได้สอบศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่าได้แน่นอน จดหมายเหตุจีนมักเรียกพระเจ้าแผ่นดินสยามแต่ว่า " เสื้ยมหลอก๊กอ๋อง." รู้ไม่ใคร่ได้ว่าความที่กล่าวตรงไหนจะเปนในแผ่นดินไหนแน่ บัดนี้ได้สอบศักราชรัชกาลลครั้งกรุงเก่ารู้ได้เกือบจะไม่ผิดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้บอกรัชกาลแลได้ทำคำอธิบายเพิ่มเติมลงไว้ในฉบับที่พิมพ์ในเล่มนี้ เชื่อว่าทำให้
 
จดหมายเหตุจีนเหล่านี้ หลวงเจนจีนอักษร (สุดใจ) พนักงานหอสมุด ฯ ได้แปลเปนภาษาไทยเฉภาะตอนที่กล่าวด้วยสยามประเทศ เรียบเรียงทูลเกล้า ฯ ถวายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปีระกาเอกศก พ. ศ. ๒๔๕๒ เจ้าพระยายมราชได้พิมพ์ช่วยในงานศพพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี๋ ณระนอง) สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็จเปนครั้งแรก เมื่อปีฉลูเบญจศก พ.ศ. ๒๔๕๖ ผู้ที่ได้อ่านพากันชอบ ด้วยได้ความรู้เรื่องพงษาวดารตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระร่วงศุโขไทยแลครั้งกรุงเก่าแปลก ๆ อิกหลายอย่าง แต่หนังสือเรื่องนี้เมื่อพิมพ์ครั้งแรกไปแจกไว้ตามหัวเมืองมาก เพราะทำศพพระยารัษฎานุประดิษฐที่เมืองระนอง ที่ในกรุงเทพ ฯ ไม่ใคร่จะมีใครได้อ่าน มีผู้มาสืบหาที่หอพระสมุด ฯ อยู่เนือง ๆ ไม่ขาด อิกประการ ๑ เมื่อพิมพ์ครั้งแรกนั้น ยังไม่ได้สอบศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่าได้แน่นอน จดหมายเหตุจีนมักเรียกพระเจ้าแผ่นดินสยามแต่ว่า " เสื้ยมหลอก๊กอ๋อง." รู้ไม่ใคร่ได้ว่าความที่กล่าวตรงไหนจะเปนในแผ่นดินไหนแน่ บัดนี้ได้สอบศักราชรัชกาลลครั้งกรุงเก่ารู้ได้เกือบจะไม่ผิดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้บอกรัชกาลแลได้ทำคำอธิบายเพิ่มเติมลงไว้ในฉบับที่พิมพ์ในเล่มนี้ เชื่อว่าทำให้ดีขึ้นกว่าที่พิมพ์ครั้งแรกเปนอันมาก ถึงผู้ที่มีฉบับพิมพ์ครั้งแรกอยู่แล้ว ก็คงจะพอใจอ่านฉบับนี้อิก
 
ดีขึ้นกว่าที่พิมพ์ครั้งแรกเปนอันมาก ถึงผู้ที่มีฉบับพิมพ์ครั้งแรกอยู่แล้ว ก็คงจะพอใจอ่านฉบับนี้อิก
เรื่องศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่านั้น เปนของที่รู้กันอยู่ในผู้ศึกษาโบราณคดีว่า ศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่าที่ลงไว้ในหนังสือพระราชพงษาวดารฉบับพิมพ์ ๒ เล่มก็ดี ฉบับพระราชหัตถเลขาก็ดีผิดมากบ้างน้อยบ้างเกือบทุกรัชกาล แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะสอบสวนได้ตลอด จนหอพระสมุดฯ ได้หนังสือพระราชพงษาวดารซึ่งเรียกว่า "ฉบับหลวงประเสริฐ" อันเปนตัวต้นหนังสือพระราชพงษาวดารกรุงเก่าที่แต่งครั้งแรก เมื่อในแผ่นดินสมเด็จพระนารายน์มหาราชศักราชในหนังสือฉบับหลวงประเสริฐนี้ฉบับเดียวที่สอบได้ถูกต้องตรงกับจดหมายเหตุอื่น ๆ ที่ได้พบมีปูมโหรเปนต้น เชื่อได้ว่าศักราชแม่นยำกว่าฉบับอื่น ๆ แต่หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ หมดความอยู่เพียงสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ข้าพเจ้าจึงค้นหาจดหมายเหตุโบราณต่าง ๆ สอบศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่าต่อลงมาจนตลอดทุกรัชกาล พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) อุปราชมณฑลกรุงเก่าได้เห็นหนังสือนี้แนะนำว่าควรจะพิมพ์ให้ปรากฎ จะได้เปนประโยชน์แก่ผู้ที่สอบจดหมายเก่า ต่าง ๆ ได้อาไศรยเปนหลักสำหรับสอบ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงพิมพ์ศักราชรัชกาลครั้งกรุงเก่าลงไว้เปนเรื่อง ที่ ๒ ในเล่มนี้
 
 
 
เรื่องพงษาวดารลาวเฉียงนั้น พระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) แต่งส่งลงพิมพ์หนังสือวชิรญาณไว้เมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๔๒ ก่อนแต่งหนังสือตำนานโยนก หนังสือเรื่องนี้แต่งดีน่าอ่าน แต่พิมพ์ในหนังสือวชิรญาณอยู่แยกย้ายกันในหลายเล่ม สมควรจะรวบรวมมาพิมพ์ไว้ในที่อันเดียวกัน จะได้เปนอนุสาวรีปรีชาญาณของพระยาประชากิจกรจักร ข้าพเจ้าจึงได้เอามาพิมพ์ไว้เปนเรื่องที่ ๓ หนังสือเรื่องนี้ตามต้นฉบับที่พิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ อธิบายใช้ตัวอักษรแลภาษาอังกฤษมีอยู่หลายแห่ง เห็นลำบากแก่การพิมพ์ ไม่จำเปนแท้แก่เนื้อความ ข้าพเจ้าจึงตัดออกเสียบ้าง ส่วนคำภาษาอังกฤษแห่งใดที่มีคำไทยใช้แทน ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนเปนคำไทยให้เข้าง่ายขึ้นบ้าง นอกนั้นคงตามต้นฉบับเดิม แต่ควรจะบอกไว้แก่ท่านผู้อ่านอย่าง ๑ ว่า ธรรมดาอธิบายโบราณคดีจำต้องใช้ความวินิจฉัย คือ ความนึกเดาของผู้อธิบาย เปนธรรมดาการอธิบายโบราณคดี เพราะฉนั้น วินิจฉัยในโบราณคดีไม่ว่าวินิจฉัยของผู้ใด ย่อมมีผิดบ้างถูกบ้าง ผู้ศึกษาโบราณคดีด้วยกันเห็นชอบด้วยบ้าง เห็นแตกต่างบ้างวินิจฉัยของพระยาประชากิจกรจักร ที่ปรากฎในหนังสือพงษาวดารลาวเฉียงเล่มนี้ ท่านผู้อ่านควรเข้าใจว่า เปนความเห็นของพระยาประชากิจกรจักร มิใช่เปนความเห็นของผู้อื่นทั่วไป
 
 
 
 
เรื่องพงษาวดารเมืองหลวงพระบางนั้น ในฉบับมีอยู่ในกระ ทรวงมหาดไทย สังเกตตามสำนวนแลเนื้อเรื่องเข้าใจว่า มีรับสั่งให้เรียบเรียงทูลเกล้า ฯ ถวายเมื่อในรัชกาลที่ ๕ หนังสือเรื่องนี้ได้ให้พิมพ์ไว้ในหนังสือเทศาภิบาลครั้ง ๑ เพื่อรักษาเรื่อง เห็นควรจะรวบรวมมาพิมพ์ไว้ในหนังสือประชุมพงษาวดาร ข้าพเจ้าจึงจัดไว้ในเรื่องที่ ๔
ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวต่อไปถึงเรื่องหนังสือประชุมพงษาวดารสักหน่อย ด้วยยังไม่ทราบว่าจะเปนแก่ท่านผู้อื่นเหมือนกับเปนแก่ตัวข้าพเจ้าฤๅไม่ ข้าพเจ้าเก็บหนังสือเรื่องนี้เรียบเรียงไว้ในตู้ข้างโต๊ะเขียนหนังสือ ในเวลาแต่งหนังสือเรื่องราวในโบราณคดี ข้าพเจ้าต้องหยิบหนังสือประชุมพงษาวดารมาอาไศรย สอบสวนอยู่เสมอ ไม่ใคร่ ขาด จนรู้สึกว่าหนังสือพวกนี้ช่างมีประโยชน์เสียจริง ๆ ถ้าหากไม่มีหนังสือประชุมพงษาวดารไว้ให้หยิบมาตรวจตราได้ง่าย ๆ การแต่งหนังสือเรื่องโบราณคดีจะช้าแลลำบากแก่ผู้แต่งอิกมิใช่น้อย ถ้าความรู้สึกเช่นนี้มีอยู่แก่ท่านผู้อื่นเหมือนกับตัวข้าพเจ้าไซ้ ขอชักชวนให้ช่วยกันอนุโมทนากุศลของท่านผู้ที่ได้พิมพ์หนังสือประชุมพงษาวดารให้เปนประโยชน์ดังกล่าวมา ถึงหนังสือเรื่องอื่นที่พิมพ์แจกในการกุศลในสมัยนี้ ที่ได้เปนประโยชน์แลเปนที่อาไศรยปฤกษาเวลาแต่งหนังสือก็ยังมีอิกหลายเรื่อง ท่านผู้ที่ได้สร้างหนังสือเหล่านั้นก็ควรได้รับอนุโมทนาในกุศลจริยาอย่างเดียวกัน
 
 
หนังสือเล่มนี้พิมพ์แจกในงานศพของพระยารณไชยชาญยุทธ ( ศุข โชติกเสถียร ) ข้าพเจ้าคุ้นเคยชอบพอพระยารณไชยชาญยุทธมาตั้งแต่ยังเปนนักเรียน จนได้มารับราชการร่วมกระทรวงราชการอันเดียวกัน ได้รักชอบกันในฉันทมิตรมาอิกช้านาน จนกระทั่งพระยารณไชยชาญยุทธถึงอนิจจกรรม นัยในผู้มีคุณูประการแก่ข้าพเจ้าผู้ ๑ เจ้าภาพมีประสงค์จะให้ข้าพเจ้าแต่งประวัติของพระยารณไชยชาญยุทธพิมพ์ไว้ในท้ายคำนำนี้ ก็ถูกใจด้วยเปนโอกาศจะได้กระทำปฏิการกิจแม้เล็กน้อย ทั้งตัวข้าพเจ้าได้ร่วมราชการเกี่ยวข้องกับพระยารณไชยฯ มาก็ช้านาน พอจะแต่งประวัติด้วยความรู้เห็นของตนเองได้โดยมาก
 
ประวัติพระยารณไชยชาญยุทธ
== ประวัติพระยารณไชยชาญยุทธ ==
 
พระยารณไชยชาญยุทธ วรุตมราชภักดี พิริยพาหะ (ศุข โชติกเสถียร) เกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีมแมตรีศก จุลศักราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๕๑๔ เปนบุตรเจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) ๆ เปนบุตรพระยาโชดึกราชเศรษฐี (เถียน) ผู้ต้นสกุลโชติกเสถียร
เมื่อครั้งพระยาโชดึก ฯ เถียน ยังไม่ได้ทำราชการ ทั้งตัวพระยาโชดึก ฯ แลท่านสุ่นผู้ภรรยา ได้ถวายตัวเปนข้าหลวงอยู่ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เพราะฉนั้นสกุลโชติกเสถียรจึงเปนสกุลข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทุกชั้นมา พระยาโชดึกฯ ได้ถวายบรรดาบุตรเปนมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ยังไม่ได้เสวยราชย์ ส่วน
เจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) บิดาของพระยารณไชยชาญยุทธนี้ ทรงใช้สอยสนิทติดพระองค์มาแต่ยังเสด็จประทับอยู่พระตำหนักสวนกุหลาบ เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โปรดให้รับราชการอยู่ในกรมมหาดเล็ก ทรงใช้สอยติดพระองค์อยู่อย่างเดิม ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเปนขุนสมุทโคจร แล้วเลื่อนเปนนายชิดหุ้มแพรเปนนายจ่ายง เปนหลวงนายสิทธิ แล้วเปนเจ้าหมื่นเสมอใจราชแต่ถึงแก่กรรมเสียในที่นั้น ไม่ทันที่จะได้รับพระราชทานยศบันดาศักดิยิ่งขึ้นไป เจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) แต่งงานกับถมยา ธิดาพระยาโชดึกฯ (ฟัก) มีบุตรธิดาหลายคน พระยารณไชยชาญยุทธนี้เปนบุตรใหญ่ ได้ถวายตัวเปนมหาดเล็กแต่ยังเด็ก ตามประเพณีผู้ที่อยู่ในสกุลข้าหลวงเดิม แล้วไปเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนวัดบพิตรภิมุข จนสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรประโยค ๑ เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้พระยารณไชยชาญยุทธเปนพระพี่เลี้ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันนี้ ตั้งแต่อายุพระยารณไชย ฯ ได้ ๑๒ ปี ต่อมาเมื่อปีขาล พ.ศ.๒๔๓๓ พระราชทานสัญญาบัตรเปนนายบำเรอบรมบาท ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๓๕ ได้เลื่อนเปนนายกวด หุ้มแพรมหาดเล็กต้นเชือก ปีมะเสง พ.ศ. ๒๔๓๖ เลื่อนเปนนายจ่ายง
เมื่อจัดหัวเมืองเปนมณฑลเทศาภิบาล จะจัดตั้งมณฑลนครไชยศรี ตำแหน่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทสาครว่าง จะหาตัวผู้ซึ่งสมควรเปนผู้ว่าราชการจังหวัด จัดการปกครองตามแบบที่ตั้งใหม่ทรงพระราชดำริห์ว่า นายจ่ายงหลักแหลมอยู่คน ๑ ในข้าราชการ
 
เมื่อครั้งพระยาโชดึก ฯ เถียน ยังไม่ได้ทำราชการ ทั้งตัวพระยาโชดึก ฯ แลท่านสุ่นผู้ภรรยา ได้ถวายตัวเปนข้าหลวงอยู่ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เพราะฉนั้นสกุลโชติกเสถียรจึงเปนสกุลข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทุกชั้นมา พระยาโชดึกฯ ได้ถวายบรรดาบุตรเปนมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ยังไม่ได้เสวยราชย์ ส่วนเจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) บิดาของพระยารณไชยชาญยุทธนี้ ทรงใช้สอยสนิทติดพระองค์มาแต่ยังเสด็จประทับอยู่พระตำหนักสวนกุหลาบ เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โปรดให้รับราชการอยู่ในกรมมหาดเล็ก ทรงใช้สอยติดพระองค์อยู่อย่างเดิม ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเปนขุนสมุทโคจร แล้วเลื่อนเปนนายชิดหุ้มแพรเปนนายจ่ายง เปนหลวงนายสิทธิ แล้วเปนเจ้าหมื่นเสมอใจราชแต่ถึงแก่กรรมเสียในที่นั้น ไม่ทันที่จะได้รับพระราชทานยศบันดาศักดิยิ่งขึ้นไป เจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) แต่งงานกับถมยา ธิดาพระยาโชดึกฯ (ฟัก) มีบุตรธิดาหลายคน พระยารณไชยชาญยุทธนี้เปนบุตรใหญ่ ได้ถวายตัวเปนมหาดเล็กแต่ยังเด็ก ตามประเพณีผู้ที่อยู่ในสกุลข้าหลวงเดิม แล้วไปเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนวัดบพิตรภิมุข จนสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรประโยค ๑ เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้พระยารณไชยชาญยุทธเปนพระพี่เลี้ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันนี้ ตั้งแต่อายุพระยารณไชย ฯ ได้ ๑๒ ปี ต่อมาเมื่อปีขาล พ.ศ.๒๔๓๓ พระราชทานสัญญาบัตรเปนนายบำเรอบรมบาท ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๓๕ ได้เลื่อนเปนนายกวด หุ้มแพรมหาดเล็กต้นเชือก ปีมะเสง พ.ศ. ๒๔๓๖ เลื่อนเปนนายจ่ายง
 
ชั้นหนุ่ม จึงพระราชทานสัญญาบัตรตั้งเปนพระสมุทสาครานุรักษ์ออกไปเปนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทสาคร เมื่อปีระกา พ.ศ.๒๔๔๐ ออกไปอยู่ไม่ช้าก็ปรากฎ คุณวุฒิข้อสำคัญของพระยารณไชย ฯ อย่าง ๑ คือที่สามารถอาจจะทำให้กรมการตลอดจนราษฎรมีความนิยมนับถือทั่วไป คุณวุฒิอันนี้เปนเหตุอย่างสำคัญที่พระยารณไชย ฯ ทำการงานสำเร็จได้ผลดี มีความชอบมาแต่ไปว่าราชการจังหวัด สมุทสาครครั้งนั้น และในที่อื่น ๆ ซึ่งพระยารณไชย ฯ ได้รับราชการต่อมาจนตลอดอายุ พระยารณไชย ฯ ว่าราชการจังหวัดสมุทสาคร อยู่ ๔ ปี ปรากฎว่าคุณวุฒิควรจะรับราชการในตำแหน่งสำคัญกว่านั้นได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเปนพระยาศิริไชยบุรินทร์ ย้ายมารับราชการในตำแหน่งปลัดมณฑลซึ่งมีน่าที่ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มณฑลนครไชยศรี เมื่อปี ฉลู พ.ศ. ๒๔๔๔ รับราชการในตำแหน่งนี้อยู่จนตลอดรัชกาลที่ ๕
เมื่อจัดหัวเมืองเปนมณฑลเทศาภิบาล จะจัดตั้งมณฑลนครไชยศรี ตำแหน่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทสาครว่าง จะหาตัวผู้ซึ่งสมควรเปนผู้ว่าราชการจังหวัด จัดการปกครองตามแบบที่ตั้งใหม่ทรงพระราชดำริห์ว่า นายจ่ายงหลักแหลมอยู่คน ๑ ในข้าราชการชั้นหนุ่ม จึงพระราชทานสัญญาบัตรตั้งเปนพระสมุทสาครานุรักษ์ออกไปเปนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทสาคร เมื่อปีระกา พ.ศ.๒๔๔๐ ออกไปอยู่ไม่ช้าก็ปรากฎ คุณวุฒิข้อสำคัญของพระยารณไชย ฯ อย่าง ๑ คือที่สามารถอาจจะทำให้กรมการตลอดจนราษฎรมีความนิยมนับถือทั่วไป คุณวุฒิอันนี้เปนเหตุอย่างสำคัญที่พระยารณไชย ฯ ทำการงานสำเร็จได้ผลดี มีความชอบมาแต่ไปว่าราชการจังหวัด สมุทสาครครั้งนั้น และในที่อื่น ๆ ซึ่งพระยารณไชย ฯ ได้รับราชการต่อมาจนตลอดอายุ พระยารณไชย ฯ ว่าราชการจังหวัดสมุทสาคร อยู่ ๔ ปี ปรากฎว่าคุณวุฒิควรจะรับราชการในตำแหน่งสำคัญกว่านั้นได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเปนพระยาศิริไชยบุรินทร์ ย้ายมารับราชการในตำแหน่งปลัดมณฑลซึ่งมีน่าที่ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มณฑลนครไชยศรี เมื่อปี ฉลู พ.ศ. ๒๔๔๔ รับราชการในตำแหน่งนี้อยู่จนตลอดรัชกาลที่ ๕
ถึงรัชกาลปัจจุบันนี้ ในปีแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ตำแหน่ง สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ว่าง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ แล้วพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนขึ้นเปนพระยารณไชยชาญยุทธ วรุตมราชภักดี พิริยพาหะถือศักดินา ๑๐๐๐๐ พระราชทานพานทองเปนเกียรติยศ รับราชการในตำแหน่งนั้นต่อมาจนตลอดอายุ
มีเรื่องซึ่งควรจะกล่าวเปนพิเศษ ให้ปรากฎในประวัติของ
 
มีเรื่องซึ่งควรจะกล่าวเปนพิเศษ ให้ปรากฎในประวัติของพระยารณไชญชาญยุทธอย่าง ๑ ด้วยพระยารณไชยชาญยุทธได้เปนพระพี่เลี้ยงเปนข้ากลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันนี้ดังกล่าวมาแล้ว พอเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติก็ประจวบตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ว่าง ได้เปนตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลขึ้นไปอยู่มณฑลนครสวรรค์ พอไปถึงในหมู่นั้นเองก็ได้พระแสงศรกำลังรามมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเปนศิริมงคล แลต่อมาไม่อิกกี่เดือนก็ได้พระยาช้างเผือก คือพระเสวตรวชิรพาหะมาถวายเพิ่มภูลพระบารมีติดต่อกันไป ของที่เกิดชูพระเกียรติยศทั้งนี้ ล้วนได้มาแต่มณฑลนครสวรรค์ ในเวลาแรกพระยารณไชยชาญยุทธขึ้นไปเปนสมุหเทศาภิบาลทั้ง ๒ อย่าง จึงเห็นเปนอัศจรรย์
 
พระยารณไชญชาญยุทธอย่าง ๑ ด้วยพระยารณไชยชาญยุทธได้เปนพระพี่เลี้ยงเปนข้ากลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันนี้ดังกล่าวมาแล้ว พอเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติก็ประจวบตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ว่าง ได้เปนตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลขึ้นไปอยู่มณฑลนครสวรรค์ พอไปถึงในหมู่นั้นเองก็ได้พระแสงศรกำลังรามมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเปนศิริมงคล แลต่อมาไม่อิกกี่เดือนก็ได้พระยาช้างเผือก คือพระเสวตรวชิรพาหะมาถวายเพิ่มภูลพระบารมีติดต่อกันไป ของที่เกิดชูพระเกียรติยศทั้งนี้ ล้วนได้มาแต่มณฑลนครสวรรค์ ในเวลาแรกพระยารณไชยชาญยุทธขึ้นไปเปนสมุหเทศาภิบาลทั้ง ๒ อย่าง จึงเห็นเปนอัศจรรย์
พระยารณไชยชาญยุทธได้เคยรับราชการจรเปนพิเศษหลายครั้งหลายอย่าง ครั้งแรกตั้งแต่ยังเปนนายจ่ายงมหาดเล็ก ก็ได้เปนข้าหลวงไปตรวจราชการทางมณฑลปราจิณถึงมณฑลบุรพา เมื่อ ปีมะแม พ.ศ. ๒๔๓๘ คราว ๑ นอกจากนั้นก็ล้วนในราชการที่เกี่ยวข้องด้วยปกครองหัวเมืองตามน่าที่ ซึ่งไม่จำต้องยกมาพรรณา
 
พระยารณไชยชาญยุทธได้รับพระราชทานบำเหน็จรางวัลหลายครั้ง ตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๕ เปนต้นมา เครื่องราชอิศริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานเปนอย่างสูงในเวลาเมื่อถึงอนิจกรรม คือ
 
รัตนวราภรณ์
:รัตนวราภรณ์
มหาสุราภรณ์ มงกุฎสยามชั้นที่ ๑
:มหาสุราภรณ์ มงกุฎสยามชั้นที่ ๑
ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
:ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
นิภาภรณ์ ช้างเผือกชั้นที่ ๓
:นิภาภรณ์ ช้างเผือกชั้นที่ ๓
:รัตนาภรณ์ ว. ป. ร. ชั้นที่ ๓
:เข็มพระชนมายุสมมงคลรัชกาลที่ ๕
:เข็ม ว.ม. ชั้นที่ ๑ พระราชทานแต่ในรัชกาลที่ ๕
:เข็ม ว.ป.ร. ชั้นที่ ๑
 
นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานเหรียญที่รฦกในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ตามบันดาศักดิ
 
พระยารณไชยชาญยุทธได้แต่งงานกับท่านหุ่นมีบุตรธิดาด้วย
พระยารณไชยชาญยุทธได้แต่งงานกับท่านหุ่นมีบุตรธิดาด้วยกัน คือ
กัน คือ
 
๑ ธิดาชื่อสร้อย เปนภรรยาพระชวกิจบรรหาร ( เลื่อน ณ ป้อมเพ็ชร)
:๑ ธิดาชื่อสร้อย เปนภรรยาพระชวกิจบรรหาร ( เลื่อน ณ ป้อมเพ็ชร)
๒ บุตรชื่อนายส่าน ถวายตัวเปนมหาดเล็ก ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ไปเรียนวิชาอยู่เมืองอังกฤษในเวลานี้
:๒ บุตรชื่อนายส่าน ถวายตัวเปนมหาดเล็ก ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ไปเรียนวิชาอยู่เมืองอังกฤษในเวลานี้
๓ นายโสดถิ์ คนเล็กยังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน
:๓ นายโสดถิ์ คนเล็กยังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน
 
พระยารณไชยชาญยุทธถึงอนิจกรรมเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ คำนวณอายุได้ ๔๕ ปี
 
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในกุศลราษีของท่านหุ่นแลบุตรธิดา ซึ่ง ได้บำเพ็ญเปนปฏิการสนองคุณพระยารณไชยชาญยุทธ ด้วยความกตัญญูกตเวที แลเชื่อว่าท่านผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้พอใจแลอนุโมทนา
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในกุศลราษีของท่านหุ่นแลบุตรธิดา ซึ่ง ได้บำเพ็ญเปนปฏิการสนองคุณพระยารณไชยชาญยุทธ ด้วยความกตัญญูกตเวที แลเชื่อว่าท่านผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้พอใจแลอนุโมทนาทั่วไป
ทั่วไป
 
ดำรงราชานุภาพ
 
หอพระสมุดวชิรญาณ
 
วันที่ ๗ เมษายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๐