ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พงศาวดารเมืองหัวพันห้าทั้งหก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัดที่ 153:
ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐศก ๑๒๔๘ (พ.ศ.๒๔๒๙)นี้ ข้าพเจ้าทราบ ว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กอง เดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูนนั้น กองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กองทัพกรุงเทพ ฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้ แล้วพวกฮ่อก็มิได้ยกเข้ามารบกวนเมืองซำใต้อิกต่อไป เจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินทุกถ้วนหน้าโดยปรกติมีความศุขมาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันห้าทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ
 
== ที่ ๕ เรื่องเมืองห้าหัวเมือง ==
 
<p align=right>
'''ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน'''<br />
ณวัน ๒ ๑๑ ค่ำ ปีจออัฐ ๑๒๔๘
ณวัน {{จันทรคติ|วัน=๒|แรม=๑๓|เดือน=๑๑}} ค่ำ ปีจออัฐศก<sup>๑๙</sup> ๑๒๔๘
</p>
 
ข้าพเจ้า ท้าวกง แลท้าวขุนในเมืองหัวเมือง ให้ถ้อยคำว่า เดิมเมื่อณปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ (พ.ศ. ๒๔๑๙) ข้าพเจ้าทราบว่ามีพวกจีนฮ่อธงลายตัวนายชื่อสามกอปิวคุมกำลังไพร่พล ๓๐๐ คน ยกออกจากเมืองเชียงค้อ เดินขึ้นมาตั้งมั่นพักไพร่พลอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองอ้อ ๆ นี้ขึ้นกับหัวเมือง แล้วท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อมาตั้งอยู่ดังนั้น ท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองก็คุมไพร่พล ๔๐๐ คนยกออกจากเมืองหัวเมืองลงไปต่อสู้รบกับสามกอปิวนายพวกฮ่อณเมืองอ้อเปนสามารถได้ ๒ เวลา พวกลาวเมืองหัวเมืองไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตายในขณะนั้น ๑๒ คน สามกอปิวนายฮ่อเห็นว่าจะทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ ก็รวบรวมควบคุมไพร่พลฮ่อแตกถอยหนีขึ้นไปตั้งอยู่ณทุ่งเชียงคำแขวงเมืองพวน ครั้นอยู่มาถึงณปีฉลูนพศก ศักราช ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐) ท้าวยี่ นายพวกข่าเจืองคุมไพร่พล ๓๐๐ คน ยกออกจากเขตรแดนแขวงเมืองญวนเดินขึ้นมาตั้งมั่นพักไพร่พลอยู่ณเมืองเปิน หัวเมืองขึ้นกับเมืองหัวเมือง
 
แล้วพระยาว่านนายข่าเจืองคุมไพร่พล ๒๐๐ คน ยกออกจากเมืองยาคือหัวเมืองขึ้นกับเมืองแถงเดินลงมาสมทบกับไพร่พลพวกท้าวยี่ยายข่าเจืองรวบรวมกันอยู่ณเมืองเปินทั้งสองกองเปนคน ๕๐๐ คน แล้วท้าวกงเจ้าเมืองหัวเมืองได้ทราบข่าวพวกข่าเจืองมาตั้งอยู่เมืองเปินดังนั้น จึงแต่งให้เพี้ยอุดทุมกรมการคุมไพร่พล ๓๐๐ คนยกออกจากเมืองหัวเมืองเดินลงไปต่อสู้รบกับพระยาว่านท้าวยี่นายพวกข่าเจืองเปนสามารถได้ เวลา พวกลาวไล่ฆ่าฟันพวกข่าเจืองตายในขณะนั้น ๘ คน พระยาว่านกับท้าวยี่แลพวกข่าเจืองทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ พากันแตกระส่ำระสายถอยหนีไป แต่พระยาว่านนั้นรวบรวมไพร่พลพวกข่าเจืองขึ้นไปตั้งอยู่ ณเมืองซางหัวเมืองขึ้นกับเมืองซำเหนือ แล้วท้าวยี่ก็ควบคุมพวกข่าเจือง ลงไปตั้งอยู่ณเมืองหมัดคือเมืองญวนหัวเมืองขึ้นกับเมืองติงเง้
 
ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐ ๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กองเดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูน นั้นกองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กรุงเทพ ฯ กรุงเทพฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้แล้ว พวกฮ่อกับข่าเจืองก็มิได้ยกเข้ามาราบกวนในเขตรแดนแขวงเมืองหัวเมืองอิกต่อไป เจ้าเมืองหัวเมืองกับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินโดยปรกติ มีความศุขทุกถ้วนหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ ฯ
กรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินโดยปรกติ มีความศุขทุกถ้วนหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ ฯ