ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พาราณสิราชชาดก"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต: แก้สระซ้อน |
สดับ← ดับ ,ดำรง←ดำรงง ,บันลือ←บันสือ ,ทรัพย์←ทร้พย์ ,โทษ←โทา ,อัน←อีน |
||
บรรทัดที่ 1:
ในพาราณสีราชชาดกนี้ ไม่มีคำปรารภความเบื้องต้น ไม่มีเรื่องที่เป็นปัจจุบัน มีแต่เรื่องที่เป็นอดีต ดังจะกล่าวต่อไปนี้
ความมีอยู่ว่า ได้
แต่นั้นมา สตรีผู้นั้นกับสามีดำรง
อยู่มาวันหนึ่ง นายพรานผู้หนึ่งเที่ยวไปถึงที่หงส์ทองอยู่นั้น เห็นหงส์ทองสองหัวติดกัน นึกอัศจรรย์ใจ แล้วกลับมาทูลพระเจ้าพาราณสีให้ทรงทราบ คราวนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระราชาพาราณสี พระเจ้าพาราณสีได้ทรงสดับทราบความแล้ว ทรงประทานทรัพย์และเสบียงอาหารแก่นายพรานแล้ว ตรัสอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่า เจ้าจักไปนำหงส์นั้นมาให้เราได้ เราจักให้สมบัติแก่เจ้ามากยิ่งกว่านี้ นายพรานถวายบังคมลา ถือเอาเมณฑุสิงคธนูออกจากพระนคร เข้าไปในหิมวันตประเทศ จับหงส์ทองสองหัวน้นได้ด้วยอุบายของตน แล้วนำมาถวายเป็นบรรณาการแด่พระเจ้าพาราณสี พระเจ้าพาราณสี ครั้นเห็นหงส์ทองนั้นแล้ว ทรงยินดีพระหฤทัยประทานทรัพย์และบ้านส่วยให้แก่นายพราน ท้าวเธอทรงรับหงส์ทองด้วยพระหัตถ์ พระอัครมเหสีอุ้มด้วยพระหัตถ์อันอ่อนนุ่มประทับยืนอยู่ ขณะนั้น หัวทั้งสองของหงส์ เปล่งรัศมีดุจทองคำและ
ต่อมา พระอัครมเหสีกราบทูลพระเจ้าพาราณสีว่า ถ้าหากว่า ใครสามารถพรากหงส์ทองออกเป็นสองตัวได้ไซร้ ตัวหนึ่งจะได้เลี้ยงไว้ในราชนิเวศน์ ตัวหนึ่งจะให้ไปเลี้ยงไว้ที่สวนประสมสัตว์ พระเจ้าพาราณสีทรงมีรับสั่งให้อำมาตย์คนหนึ่งผู้ฉลาดนำหงส์ทองนั้นไปยังเรือนของตนเลี้ยงไว้ อยู่มาวันหนึ่ง อำมาตย์ผู้นั้นเข้าไปเฝ้าพระราชา กลับจากราชนิเวศน์เข้าไปใกล้หงส์ทองนั้น เอียงคอของตนเข้าไปให้ใกล้หัวหงส์ทองหัวหนึ่ง ประหนึ่งว่าจะกระซิบที่หู ไม่กล่าวคำอะไรเลย วางนกนั้นแล้วผละไปเสีย ฝ่ายอำมาตย์ผู้นั้นรอเวลาอยู่สองสามวัน จึงไปเลี้ยงหงส์อีกหัวหนึ่ง ทำเหมือนที่ทำแล้วแก่หงส์หัวที่หนึ่งนั้น เพราะเหตุเพียงเท่านี้ หงส์ทองทั้งสองหัวนั้นจึงเกิดทะเลาะกัน ไม่สนทนากัน ด่าว่ากันกระพือปีกจิกกัน ด้วยอำนาจความโกรธแรงกล้า สรีระแยกออกไปเป็นสองส่วน
อำมาตย์ผู้นั้น นำหงส์ทองสองหัวไปถวายพระราชา พระราชาทอดพระเนตรเห็นนกสองตัวแล้ว ทรงพระโสมนัส ประทาน
พระราชา ทำความสลดจิตให้เกิดขึ้นแล้วด้วยประการฉะนี้ ตั้งแต่นั้นมา พระราชาให้จับคนยุแหย่ ให้ไล่ออกไปเสียจากรัฐของพระองค์ แต่โปรดให้ยก
ต่อแต่นั้นมา พระราชาทรงครองราชสมบัติโดยธรรมสม่ำเสมอ ชาวพระนครได้อยู่ด้วยความปรองดองกัน มนุษย์ผู้อยู่ในสกลรัฐ ระงับกายวาจาจิตเรียบร้อยดี พระเจ้าพาราณสีตั้งพระทัยบำเพ็ญสมติงสบารมีเป็นเบื้องหน้า เสด็จไปตามกรรมที่ทำไว้ เคลื่อนจากชาตินั้นแล้วดำรงอัตภาพเป็นพระเวสสันดร ทรงบบำเพ็ญสัตตสดกมหาทานเสร็จ แล้วเสด็จไปอุบัติในดุสิตบุรีเทพยดาในหมื่นจักรวาฬวิงวอนให้จุติ ทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะ ถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระมหามายา โดยล่วงไปสิบเดือน ก็ประสูติจากพระครรภ์แล้ว ถึงความเป็นหนุ่มตามลำดับ ครองฆราวาสได้ยี่สิบเก้าพรรษา ได้พระราชโอรสพระองค์หนึ่ง ในสมัยเที่ยงคืนวันหนึ่ง มีหมู่เทพยดาหมื่นจักรวาฬกับนายฉันนท์เป็นสหายแวดล้อม เสด็จออกสู่มหาภิเนกษกรมณ์ ทรงบำเพ็ญมหาปธานวิริยะอยู่ในป่า
พระศาสดาครั้นทรงนำธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประมวลชาดกว่า นายพรานเนื้อผู้เที่ยวไปในป่าในกาลนั้น กลับชาติมาคือพระฉันนเถระคนเลี้ยงม้า หงส์ทองตัวหนึ่งในกาลนั้น กลับชาติมาคือพระคิริมานนทเถระ หงส์ทองตัวหนึ่งในกาลนั้น กลับชาติมาคือพระกาลุทายีเถระผู้แสดงหนทาง อำมาตย์ผู้ฉลาดในกาลนั้น กลับชาติมาคือพระสารีบุตรเถระผู้มีญาณปรากฏแล้ว บริษัททั้งหลายแม้ที่เหลือในกาลนั้น กลับชาติมาคือพุทธบริษัท พระเจ้าพาราณสีในกาลนั้น กลับชาติมาคือเราพระอภิสัมพุทโธ ขอท่านทั้งหลายจงทรงจำชาดกไว้ด้วย ด้วยประการฉะนี้
|