หน้า:กฎบัตรสหประชาชาติ.pdf/12

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
มาตรา ๕๐

หากคณะมนตรีความมั่นคงได้ดําเนินมาตรการป้องกัน หรือบังคับต่อรัฐใดรัฐอื่น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกแห่งสหประชาชาติหรือไม่ ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาพิเศษทางเศรษฐกิจเนื่องมาแต่การปฏิบัติมาตรการเหล่านั้น ย่อมมีสิทธิที่จะหารือกับคณะมนตรีความมั่นคงเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น

มาตรา ๕๑

ไม่มีข้อความใดในกฎบัตรฉบับปัจจุบันอันจักรอนสิทธิประจําตัวในการป้องกันตนเองโดยลําพังตน หรือโดยร่วมกัน หากการโจมตีโดยกําลังอาวุธบังเกิดแก่สมาชิกของสหประชาชาติ จนกว่าคณะมนตรีความมั่นคงจะได้ดําเนินมาตรการที่จําเป็นเพื่อธํารงไว้ซึ่ง สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ มาตรการที่สมาชิกได้ดําเนินไปในการใช้สิทธิป้องกันตนเองนี้จักต้องรายงานให้คณะมนตรีความมั่นคงทราบโดยทันที และจักไม่กระทบกระเทือนอํานาจและความรับผิดชอบของคณะมนตรีความมั่นคงภายใต้กฎบัตรฉบับปัจจุบันแต่ทางหนึ่งทางใด ในอันที่จักดําเนินการเช่นที่เห็นจําเปนเพื่อธํารงไว้หรือสถาปนากลับคืนมาซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศในขณะหนึ่งขณะใด

หมวดที่ ๘
ข้อตกลงส่วนภูมิภาค
มาตรา ๕๒

๑. ไม่มีข้อความใดในกฎบัตรฉบับปัจจุบันที่กีดกันการมีข้อตกลงส่วนภูมิภาค หรือทบวงการตัวแทนสําหรับจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับการธํารงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศเช่นที่เห็นเหมาะสมสําหรับการดําเนินการส่วนภูมิภาคขึ้น หากข้อตกลงหรือทบวงการตัวแทนเช่นว่าและกิจกรรมนั้นๆ สอดคล้องกับความมุ่งหมาย และหลักการของสหประชาชาติ

๒. สมาชิกของสหประชาชาติที่เข้าร่วมในข้อตกลงเช่นว่านั้น หรือประกอบขึ้นเป็นทบวงการตัวแทนเช่นว่านั้นจักต้องกระทําความพยายามทุกประการที่จะจัดระงับข้อพิพาทแห่งท้องถิ่นโดยสันติวิธีด้วยอาศัยข้อตกลงส่วนภูมิภาคหรือทบวงการตัวแทนส่วนภูมิภาคเช่นว่านั้น ก่อนที่จะเสนอเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคง

๓. คณะมนตรีความมั่นคงจักสนับสนุนพัฒนาการแห่งการระงับข้อพิพาทแห่งท้องถิ่นโดยสันติวิธีด้วยอาศัยข้อตกลงส่วนภูมิภาคหรือทบวงการตัวแทนส่วนภูมิภาคเช่นว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือโดยเสนอเรื่องมาจากคณะมนตรีความมั่นคงก็ดี

๔. มาตรานี้ไม่ทําให้เสื่อมเสียโดยประการใดๆ ต่อการนํามาตรา ๓๔ และ ๓๕ มาใช้

มาตรา ๕๓

๑. เมื่อใดเห็นเหมาะสม คณะมนตรีความมั่นคงจักใช้ประโยชน์ในข้อตกลงส่วนภูมิภาค หรือทบวงการตัวแทนเช่นว่านั้นเพื่อการดําเนินการบังคับภายใต้อํานาจของตน แต่จะมีการดําเนินการบังคับตามข้อตกลงส่วนภูมิภาคหรือโดยทบวงการตัวแทนส่วนภูมิภาค โดยปราศจากการให้อํานาจของคณะมนตรีความมั่นคงไม่ได้ เว้นแต่มาตรการที่กระทําต่อรัฐศัตรู ดังที่นิยามไว้ในวรรค ๒ แห่งมาตรานี้ ซึ่งได้บัญญัติไว้โดยอนุวัตตามมาตรา ๑๐๗ หรือในข้อตกลงส่วนภูมิภาค ซึ่งต่อต้านการรื้อฟื้นนโยบายรุกรานของรัฐศัตรูเช่นว่านั้น จนกว่าจะถึงเวลาที่องค์การอาจเข้ารับผิดชอบเพื่อป้องกันการรุกรานต่อไปโดยรัฐศัตรูเช่นว่าตามคําร้องขอของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง

๒. คําว่ารัฐศัตรูที่ใช้ในวรรค ๑ แห่งมาตรานี้ย่อมนํามาใช้แก่รัฐใดๆ ซึ่งในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้เคยเป็นศัตรูต่อรัฐที่ลงนามในกฎบัตรฉบับปัจจุบัน