มาในคดีเรื่องนั้นแต่ก่อนได้พิพากษาโทษรวมเข้าในกำหนดโทษตามคำพิพากษาด้วย เว้นไว้แต่ถ้ามีความปรากฎในคำพิพากษาสั่งเปนอย่างอื่น จึงให้กำหนดตามที่ว่าไว้ในคำพิพากษา
ในการนับกำหนดเวลาที่ผู้กระทำผิดต้องจำคุกนั้น ท่านให้นับวันแรกที่ต้องจำคุกเปนวันหนึ่ง ไม่ว่าจะส่งตัวเข้าจำคุกเช้าสายบ่ายเย็นประการใด แลให้นับสามสิบวันเปนเดือนหนึ่ง
เมื่อจะปล่อยนักโทษจากเวรจำ ท่านให้ปล่อยในวันที่ถัดวันครบกำหนดเวลาต้องจำคุกตามคำพิพากษา
บรรดาบทที่บัญญัติไว้ในกฎหมายนี้ว่าด้วยการเพิ่มอาญาหรือลดอาญานั้น ท่านมิให้ใช้เพิ่มแลลดในส่วนโทษริบทรัพย์
ผู้มีความผิดโทษไม่ถึงประหารชีวิตร์แลไม่ถึงจำคุกจนตลอดชีวิตร์นั้น ถ้าจะต้องเพิ่มอาญาขึ้นด้วยเหตุประการใด ท่านมิให้เพิ่มขึ้นถึงโทษประหารชีวิตร์หรือถึงจำคุกจนตลอดชีวิตร์
ในการที่จะเพิ่มกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดนั้น ท่านให้พิจารณาดูกำหนดที่มันต้องจำคุกอยู่แล้วนั้นก่อน แลห้ามมิให้เพิ่มกำหนดเวลาให้มันต้องจำคุก ทั้งในกำหนดเดิมแลกำหนดที่เพิ่มใหม่ รวมกันเกินกว่ายี่สิบปีขึ้นไป
ถ้าผู้ใดมีความผิดโทษถึงประหารชีวิตร์ แลมีเหตุอันสมควรที่มันจะได้รับความลดหย่อนอาญาลงตามกฎหมาย ท่านให้ถือเปนกำหนดดังนี้ คือ
(๑)ถ้าจะลดลงส่วนหนึ่งในสาม ให้ลดลงเปนอาญาจำคุกจนตลอดชีวิตร์หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี
(๒)ถ้าจะลดลงกึ่งหนึ่ง ให้ลดลงเปนอาญาจำคุกจนตลอดชีวิตร์หรือจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี
ผู้ใดมีความผิดโทษถึงจำคุกจนตลอดชีวิตร์ แลมีเหตุอันสมควรที่มันจะได้รับความลดหย่อนอาญาลงตามกฎหมาย ท่านให้ถือเปนกำหนดังนี้ คือ
(๑)ถ้าจะลดลงส่วนหนึ่งในสาม ให้ลดลงเปนอาญาจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงสิบหกปี
(๒)ถ้าจะลดลงกึ่งหนึ่ง ให้ลดลงเปนอาญาจำคุกตั้งแต่เก้าปีถึงสิบสองปี
เมื่อมีเหตุอันควรที่ผู้กระทำผิดจะต้องถูกเพิ่มโทษแลได้ลดโทษในคดีเดียวกันตามบทต่างกันในกฎหมายนี้ไซ้ ท่านว่า