ชอบด้วยกฎหมายแล้วไซ้ ท่านว่า หมดความชอบธรรมที่จะเอาคดีนั้นมารื้อร้องฟ้องต่อไป
ผู้ใดศาลได้พิพากษาให้ลงโทษ แลยังไม่ได้ตัวมันมาลงโทษตามคำพิพากษา จนล่วงเลยพ้นเวลาที่ท่านตั้งเปนกำหนดไว้ในมาตรานี้แล้ว ท่านว่า เปนอันเวลาล่วงเลยเสียแล้ว ให้ยกเลิกอย่าลงโทษแก่มันตามคำพิพากษานั้นเลย
แลกำหนดเวลาที่ยกเลิกการลงอาญาโดยเหตุเวลาล่วงเลยตามความในมาตรานี้นั้น ท่านกำหนดไว้ดังนี้ คือว่า
(๑) โทษประหารชีวิตร์หรือจำคุกจนตลอดชีวิตร์ ยี่สิบปีเปนพ้นกำหนด
(๒) โทษจำคุกกว่าเจ้ดปีขึ้นไปจนถึงยี่สิบปี สิบห้าปีเปนพ้นกำหนด
(๓) โทษอย่างอื่น ๆ ห้าปีเปนพ้นกำหนด
กำหนดเวลาล่วงเลยในการลงอาญานั้น ท่านให้นับตั้งแต่วันพิพากษาลงโทษอันเปนคำพิพากษาชั้นที่สุดของคดีเรื่องนั้น หรืออิกนัยหนึ่ง ท่านให้นับตั้งแต่วันมันผู้ต้องโทษนั้นพ้นอาญาไป
แต่ท่านห้ามมิให้นับเวลาที่งดการลงอาญาไว้ตามกฎหมายนั้นเข้าในเวลาล่วงเลยการลงอาญา
เวลาล่วงเลยในการลงอาญานั้นเปนอันหยุดมิให้นับในระหว่างเวลาที่มีเหตุการเหล่านี้ คือ
(๑) เมื่อจับตัวมันผู้ต้องโทษได้
(๒) เมื่อเจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่สำหรับให้ลงอาญาได้สั่งให้ทำโทษ
ถ้ากำหนดอายุความก็ดี กำหนดเวลาล่วงเลยในการลงอาญาก็ดี ต้องหยุดด้วยประการใด ๆ ท่านให้ตั้งต้นนับกำหนดไปใหม่แต่วันที่หยุดนั้น
กำหนดอายุความแลกำหนดเวลาล่วงเลยในการลงอาญานี้ ถึงผู้ต้องหาจะมิได้ขอร้อง ก็ให้คงใช้ตามท่านบัญญัติไว้จงทุกประการ
ลักษณที่จะฟ้องผู้กระทำผิดนั้น ท่านว่า ฟ้องเปนสองคดีก็ได้ คือว่า
(๑) ฟ้องคดีทางอาญาขอให้ลงโทษตามลักษณกฎหมายอาญาก็ได้อย่างหนึ่ง แล
(๒) ฟ้องคดีทางแพ่งขอให้ใช้ค่าเสีย