หน้า:กอ ๑๒๗ (๒๔๕๑).pdf/37

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
วันที่ ๑ มิถุนายน ๑๒๗
เล่ม ๒๕ หน้า ๒๔๒
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๕๔

ผู้ใดเจตนาจะช่วยผู้อื่นให้พ้นอาญาอันควรรับตามกฎหมาย แลมันกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวต่อไปในมาตรานี้ คือว่า

(๑) มันกระทำข้อความหรือสิ่งซึ่งเปนสักขีพยานในการกระทำผิดให้สูญหายไปเสียก็ดี

(๒) มันเพทุบายเอาเนื้อความที่มันรู้อยู่ว่าเปนเท็จมาบอกเล่าในเรื่องความผิดใดใด เพื่อจะให้หลงเชื่อไปในทางที่เปนเท็จก็ดี

(๓) มันให้สำนักหรือซ่อนเร้นผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาในความผิดไว้ก็ดี

(๔) มันช่วยด้วยประการใดใดให้ผู้ที่กระทำผิดหรือผู้ต้องหาว่าได้กระทำผิดนั้นหลบหลีกไม่ให้ถูกจับกุมก็ดี

ท่านว่า มันผู้กระทำการเช่นว่ามานี้มีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไปจนถึงสามปี แลให้ปรับตั้งแต่ยี่สิบบาทขึ้นไปจนถึงสองร้อยบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง

ถ้าแลผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาที่มันช่วยนั้นเปนผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาในความผิดอุกฤษฐโทษถึงประหารชีวิตร์ หรือเปนมหันตโทษ คือ จำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป ท่านว่า มันผู้ช่วยนั้นต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี แลให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงห้าร้อยบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง

แต่ถ้าการที่ช่วยผู้กระทำผิดดังที่ว่ามาในข้อ ๓ แลข้อ ๔ ในมาตรานี้นั้นเปนการที่สามีช่วยภรรยา หรือภรรยาช่วยสามีไซ้ ท่านว่า อย่าให้ลงอาญาแก่มันที่ช่วยนั้นเลย เพราะมันเปนผัวเมีย เสียกันมิได้


มาตรา ๑๕๕

ผู้ใดได้สาบาลหรือปฏิญาณตัวที่จะให้ถ้อยคำในการพิจารณาคดีใดใดแล้ว ถ้าแลมันเอาความที่มันรู้อยู่ว่าเปนความเท็จมาเบิกในข้อสำคัญแต่อย่างหนึ่งอย่างใดในคดีนั้น ท่านว่า มันมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสามปี แลให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงห้าร้อยบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง

มาตรา ๑๕๖

ถ้าผู้ใดเบิกความเท็จในคดีซึ่งพิจารณาทางอาญา ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี แลให้ปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง

มาตรา ๑๕๗

ผู้ใดก่อเหตุให้เกิดให้มีขึ้นด้วยประการใดใดก็ดี หรือทำบาญชี หรือจดลงในจดหมายแลหนังสือเอกสารใดใดก็ดี ที่อาจจะพึงใช้เปนสักขีพยานในข้อสำคัญแห่งการพิจารณาคดีอันใด โดยมันรู้อยู่ว่า เหตุการที่มันก่อให้เกิดขึ้น แลบาญชีหรือหนังสือ