แลมิได้ใช้กำลังทำร้ายอย่างใดแล้วเลิกไปตามบังคับนั้นโดยดี ท่านว่า อย่าให้เอาโทษแก่มันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘๓ นั้นเลย ถ้าผู้ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ท่านว่า มันต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไปจนถึงสามปี แลให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงห้าร้อยบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงเจ็ดปีด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าผู้ใดวางเพลิงจุดเผาของอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านี้ คือ
(๑)เผาป่าไม้ หรือพืชผล หรือหญ้าฟางที่เขารวมไว้เปนอาหารสัตว์ก็ดี
(๒)เผาเคหะสถานบ้านเรือนซึ่งเปนที่สำหรับอาไศรยก็ดี
(๓)เผาสถานที่แลเรือแพอย่างใดใดอันเปนที่เก็บหรือเปนที่ทำสิ่งของแลสินค้าก็ดี
(๔)เผาสาธารณสถานหรือสถานอันเปนที่เคารพในทางสาสนาก็ดี
ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปจนถึงสิบปี แลให้ปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงห้าพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าผู้ใดเอาเพลิงจุดเผาทรัพย์ของมันเองแลมิได้ระมัดระวังปล่อยให้เกิดเปนภยันตรายแก่ผู้คนหรือทรัพย์สมบัติของผู้อื่นก็ดี หรือจนแทบจะเปนอันตรายแก่ผู้คนหรือทรัพย์สมบัติของผู้อื่นก็ดี ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘๕ แลมาตรา ๑๘๖ นั้น
ถ้าผู้ใดทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนสามารถอาจจะเปนอันตรายแก่บุคคลก็ดี แก่ทรัพย์ก็ดี ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘๕, ๑๘๖ หรือ ๑๘๗ นั้นตามสมควรแก่เหตุผล
ถ้าแลความผิดอย่างใดใดที่ว่ามาในมาตรา ๑๘๕, ๑๘๖ และ ๑๘๘ นั้นเปนการกระทำแก่ทรัพย์อันมีราคาน้อย แลไม่เปนเหตุใกล้ต่อภยันตรายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด แลไฟที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่ากลัวจะลุกลามไปถึงทรัพย์แห่งอื่นด้วย ฉนี้ ท่านว่า ผู้ที่กระทำผิดนั้นโทษเบา ควรลงโทษมันโดยลักษณ