ประการที่ ๓ ความผิดที่กระทำนั้น แม้กระทำในสยามประเทศ พระราชกำหนดกฎหมายก็บัญญัติว่า จะต้องถูกลงอาญา
ประการที่ ๔ ผู้กระทำผิดนั้น ศาลในประเทศที่มันไปกระทำผิดไม่ได้ตัดสินปล่อยมันเสียโดยว่า ไม่มีโทษ หรือศาลตัดสินให้ลงอาญาแล้ว แต่มันยังไม่ได้รับอาญาตามคำตัดสิน หรือยังไม่พ้นอาญา ด้วยความยกเว้นแลลดหย่อนผ่อนโทษให้แก่มัน
บรรดาความที่บัญญัติไว้ในภาค ๑ แห่งกฎหมายลักษณอาญานี้ ท่านให้ใช้ได้ทั่วไปในสรรพคดีซึ่งพระราชกำหนดกฎหมายอื่นบัญญัติว่า เปนความผิดอันควรลงอาญา เว้นเสียแต่ที่พระราชกำหนดกฎหมายนั้น ๆ บัญญัติไว้เปนอย่างอื่น
อาญาสำหรับลงโทษแก่ผู้กระทำผิดนั้น ท่านกำหนดไว้เปนหกสฐานดังนี้
สฐานหนึ่ง ให้ประหารชีวิตร์
สฐานหนึ่ง ให้จำคุก
สฐานหนึ่ง ให้ปรับ
สฐานหนึ่ง ให้อยู่ภายในเขตร์ที่อันมีกำหนด
สฐานหนึ่ง ให้ริบทรัพย์
สฐานหนึ่ง ให้เรียกประกันทานบน
ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ลงอาญาประหารชีวิตร์ ท่านให้เอามันไปตัดศีร์ษะเสีย
ถ้าจะลงอาญาประหารชีวิตร์แก่ผู้ใด ท่านให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาเสียก่อน ต่อได้รับพระราชทานพระบรมราชาอนุญาตแล้ว จึงให้เอาตัวมันไปประการชีวิตร์ณะตำบลแลในเวลาที่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการอันนั้นจะเห็นสมควร
ศพของคนที่ต้องอาญาประหารชีวิตร์นั้น ถ้ามีญาติมาขอรับศพไปปลง ก็ให้ให้ไป แต่ห้ามมิให้ไปทำการปลงศพคนโทษที่ต้องประหารชีวิตร์นั้นเปนการเอิกเกริก
หญิงใดจะต้องประหารชีวิตร์ ถ้ามีครรภ์ ท่านให้รอไว้ให้มันคลอดเสียก่อน จึงให้ประหารชีวิตร์
โทษปรับนั้น ท่านหมายความว่า จำนวนเงินอันกำหนดไว้ในคำพิพากษา ให้ปรับเปนพินัยหลวง
ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ปรับ แลมิใช้ค่าปรับภายในสิบห้าวัน นับตั้งแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น ให้ยึดทรัพย์สมบัติมัน