เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ราชกิจจานุเบกษา
ซึ่งอาจไม่สะดวกและจำเป็นต้องก่อภาระแก่ผู้เดินทางได้โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การจราจรคับคั่งหรือมีเหตุพิเศษ ทั้งนี้ หากพบว่าผู้เดินทางมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคหรือเป็นพาหะนำโรค พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้
ข้อ ๖ ในกรณีมีปัญหาว่าสถานที่หรือกิจกรรมใดเข้าข่ายตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดนี้หรือไม่ ให้หารือคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 เป็นประธาน
ข้อ ๗ การแสดงตนโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ หรือแอบอ้างว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการเรียก รับ ยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ หรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้จากการใช้สถานที่ของเอกชนเพื่อการแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต หรือเจตนาแกล้งให้ผู้อื่นมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือข้อกำหนดซึ่งออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตในการเรียกเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนจากการไม่ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย ผู้ประสบเหตุดังกล่าวให้แจ้งต่อศูนย์ดำรงธรรมได้ทั่วราชอาณาจักร หรือแจ้งต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
- ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
- พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
- นายกรัฐมนตรี