หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/50

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๓๐

ไปสิ้น คนทั้งปวงจึ่งเห็นเปนสี่กร จึ่งถวายพระนามเรียกว่า องค์พระนารายน์มาแต่เมื่อครั้งนั้น ๚

 มีพระราชนัดดาองค์หนึ่งเปนโอรสของพระเชษฐา ซื่อพระศรีศิลป์กุมาร ชัณษาได้ ๑๕ ปี จึ่งคิดเปนขบถกับพระบิตุฉา จักมาสังหารชีวิตรให้บรรไลย เอาพระแสงจะแทงพระนารายน์ พระองค์จึ่งฉวยปลายกั้นหยั่นไว้ได้ทันที จึ่งจับตัวไว้ที่ทิมดาบ พระองค์ทรงแต่กำราบมิให้ตาย พระองค์สงสารกับกุมารนั้นว่าไร้บิตุเรศมารดา แล้วเห็นแก่พระไชยาทิตย์ด้วยรักใคร่สนิทกัน เพราะเปนเชษฐาได้ฝากพระศรีศิลป์ไว้แต่เมื่อจะใกล้สิ้นชีพพิราไลย จึ่งสั่งให้ออกจากโทษ พระองค์โปรดเลี้ยงไว้ตามที่ ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพระศรีศิลป์จึ่งคิดร้ายอิกครั้งหนึ่ง เมื่อพระนารายน์เสด็จออกว่าราชการเมืองอยู่ที่สีหบัญชร จึ่งพระศรีศิลป์ใจหาญนั้น ถือพระแสงแล้วแฝงใบบานประตูอยู่ที่ห้อง เสด็จเข้าไป ผู้ใดมิได้ล่วงรู้เห็น อันพระนารายน์นั้นออกไปว่าราชการ จึ่งเรียกช้างพระที่นั่งเข้ามาดู พระองค์ก็เสด็จทรงช้างแล้วเสด็จเข้ามาทางหนึ่ง อันพระศรีศิลป์นั้นยืนแอบประตูอยู่จนพนักงานนั้นเชิญเครื่องเข้ามา จึ่งเห็นพระศรีศิลป์ถือพระแสงแลแฝงประตูอยู่ อันพนักงานเครื่องนั้นจึ่งกราบทูลตามที่เห็น พระองค์จึ่งเสด็จตรงออกมาแล้วก็จับตัวกุมารได้ทันใด จึ่งตรัสสั่งนายเพชฌฆาฏให้สังหารเสียให้ตักไษย นายเพชฌฆาฏจึ่งให้คุมตัวพระศรีศิลป์ไป จึ่งเอาตัวนั้นมัดผูกพันแล้วใส่ลงไปในแม่ขันสาคร แล้วจึ่งเอาใส่ลงในถุงแดงแล้วก็แห่หามไปยังวัดกะชาย แล้วจึ่งขุดหลุมฝังเสียทั้งเปน อันนี้เปนตามธรรมเนียม