หน้า:คหก อังวะ - ๒๔๕๘.pdf/27

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖

รับอาสาจะมาตีแหกเอาคนสามพันในค่ายล้อมเขานางแก้วให้ได้ ครั้นเข้าตีกองทัพไทยซึ่งล้อมพม่าไว้นั้น ไพร่พลพม่ากองทัพช่วยล้มตายเปนอันมาก อะแซหวุ่นกี้จึงบอกหนังสือไปถึงมองระเจ้าอังวะว่า ถ้าจะเอาคนสามพันให้ได้ จะเสียคนกว่าสามหมื่น ด้วยจวนเทศกาลฝน ไพร่พลอดเสบียงอาหาร จะขอถอยทัพมาแรมค้างอยู่ณเมืองเมาะตมะ ต่อรุ่งขึ้นปีน่า ข้าพเจ้าจึงจะยกกองทัพเข้าไปตีกรุงศรีอยุทธยา ทั้งพม่าสามพันทั้งนายทัพนายกองเอามาถวายให้จงได้ มองระเจ้าอังวะจึงตอบไปว่า ซึ่งอะแซหวุ่นกี้บอกมานั้นชอบด้วยราชการอยู่แล้ว ทั้งนี้ ก็สุดแต่อะแซหวุ่นกี้จะคิดผ่อนปรนเอากรุงศรีอยุทธยาให้จงได้ ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๗ ปี มองระกลับขึ้นไปณเมืองอังวะ ครั้นณเดือน ๑๑ ในปีนั้น อะแซหวุ่นกี้ให้แมงยางูกับนายกองผู้น้อย กับปันยิแยฆองจอ ปันยิตะจอง ๓ นาย กับไพร่สองหมื่น ให้ยกไปทางระแหง อะแซหวุ่นกี้กับไพร่หมื่นห้าพันเปนแม่ทัพเข้าล้อมเมืองพิศณุโลก อะแซหวุ่นกี้จึงแยกกองทัพลงมารับกองทัพกรุงศรีอยุทธยาซึ่งขึ้นไปช่วยปากพิง ครั้นเมืองพิศณุโลกเสียแก่พม่าแล้ว อะแซหวุ่นกี้บอกหนังสือขึ้นไปถึงมองระเจ้าอังวะ พอมองระเจ้าอังวะถึงอนิจกรรมตาย จิงกูจาบุตรมองระขึ้นเปนเจ้า จึงให้ข้าหลวงลงมาให้เลิกกองทัพ ทั้งทัพเมืองทวาย, เมืองมริด, เมืองตนาว. อะแซหวุ่นกี้ซึ่งไปตีเมืองกรุงกลับขึ้นไปเมืองอังวะ จิงกูจาปลงศพมองระผู้เปนบิดาตามอย่างธรรมเนียม ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๘ ปี จิงกูจาผู้เปนบุตรมองระขึ้นเสวยราชสมบัติ