หน้า:คำพิพากษาฯ รัชกาลที่ 8 - ๒๔๙๘.pdf/629

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๗๖

ประทุษร้ายต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่แยกกระทงลงโทษ ส่วนนายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ และนายบุศย์ ปัทมศริน จำเลยที่ ๓ นั้น ศาลชั้นต้นฟังว่า คดีไม่มีหลักฐานจะกระทำความผิด จึงพิพากษาให้ปล่อยตัวไป

ทั้งโจทก์และจำเลยได้อุทธรณ์คดีนี้ต่อมา โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า คดีมีหลักฐานพอฟังได้ว่า นายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ และนายบุศย์ ปัทมศริน จำเลยที่ ๓ กระทำความผิด ขอให้ลงโทษ ส่วนนายชิต สิงหเสนี จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่า เขาไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องปล่อยตัวไป ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่า คดีมีหลักฐานฟังได้ว่า นายชิต สิงหเสนี จำเลยที่ ๒ และนายบุศย์ ปัทมศริน จำเลยที่ ๓ กระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์ จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองนั้น ส่วนนายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า หลักฐานยังไม่พอฟังว่า ได้กระทำความผิด จึงพิพากษายกฟ้องให้ปล่อยตัวนายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ ไป

โจทก์ได้ฎีกาคดีนี้ต่อมาเฉพาะเกี่ยวกับนายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษทั้งสองคนนั้นเล่า ก็ได้ฎีกาขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

จริงอยู่ แม้ตามฎีกาของโจทก์จะได้กล่าวอ้างเฉพาะปัญหานายเฉลียว ปทุมรส จำเลยที่ ๑ ว่า ได้กระทำผิดหรือไม่ ซึ่งมีประเด็นที่จะกราบเรียนต่อศาลนี้เพียงสั้น ๆ ก็ตาม แต่โดยที่คดีนี้เป็นคดีสำคัญ