หน้า:คำพิพากษาฯ รัชกาลที่ 8 - ๒๔๙๘.pdf/705

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๕๒

ให้เห็นความประสงค์ของผู้พูดนั้น ตอนนี้ พยานโจทก์เบาบาง มีแต่คำนายตี๋ ถึงจะได้แย้มพรายความข้อนี้แก่ผู้อื่นอย่างลับ ๆ โดยยั้งใจไม่อยู่ และมิได้มุ่งหมายจะให้เป็นเรื่องราวเกิดขึ้น แล้วตนก็กลับไปอยู่ต่างจังหวัดห่างไกล ไม่น่าจะถูกสงสัยว่า เป็นผู้เสกสรรค์ปั้นเรื่องขึ้นก็ดี แต่พยานที่สนับสนุนนายตี๋ในข้อที่ได้ยินพูดจาดั่งนั้นหามีไม่ นายตี๋อาจได้ยินได้ฟังถ้อยคำบางคำ แล้วเสริมความหมายหรือหมายความให้เกินไปกว่าความจริงของถ้อยคำก็ได้ หรือสังเกตเห็นจากอากัปกิริยา แล้วเดาความเอาตามเค้าเรื่องที่ตนคิดเห็นก็ได้ หรืออาจได้ยินข้อความเหล่านั้นจนจับเนื้อความก็ได้ ในเหตุต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ศาลนี้เห็นว่า จะฟังความหรือถ้อยคำที่พูดกันให้เป็นแน่อย่างใดอย่างหนึ่งยังไม่ถนัด

ต่อไปนี้ จะได้วินิจฉัยว่า ใครเป็นผู้ประทุษฐร้ายพระองค์ท่าน

โจทก์มีพยาน ๒ ชุด ชุดหนึ่งรู้เห็นว่า เรือเอก วัชรชัย ปรากฏตัวในพระบรมมหาราชวังตอนก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ความว่า เช้าวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ ราว ๘.๐๐ นาฬิกา เรือเอก วัชรชัย นั่งรถยนต์ไปลงที่กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมา จวน ๙.๐๐ นาฬิกา มีผู้เห็นเรือเอก วัชรชัย เดินอยู่แถวหน้าโรงละครหลังพระที่นั่งบรมพิมาน โฉมหน้าจะไปยังพระที่นั่ง เมื่อเสียงปืนดังแล้ว มีผู้เห็นเรือเอก วัชรชัย เดินลงบันไดพระที่นั่งบรมพิมานด้านหลังไปอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่ปรากฏว่า มีใครได้เห็นเรือเอก วัชรชัย ขึ้นไปถึงบนพระที่นั่ง และได้ทำอะไรอย่างไรบ้าง