หน้า:คำพิพากษาฯ รัชกาลที่ 8 - ๒๔๙๘.pdf/714

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๖๑

อ้างในชั้นสอบสวนว่า ที่ไม่กล้าเข้าไป เพราะกลัวจะถูกหาว่า ยิงในหลวง

การกระทำหรืองดเว้นกระทำของนายชิต นายบุศย์ จำเลยทั้งสอง เช่นนี้ ไม่มีทางให้วินิจฉัยเป็นอย่างอื่น นอกจากจะฟังว่า จำเลยทั้งสองคนนี้อย่างน้อยก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการลอบปลงพระชนม์ด้วย

นายเฉลียว ปทุมรส จำเลย มีข้อที่ควรวิเคราะห์ ดั่งต่อไปนี้

(๑) เป็นคนสนิทชิดชอบของนายปรีดี เป็นคนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงการปครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เดิมรับราชการอยู่ในกรมไปรษณีย์โทรเลข หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้โอนไปรับราชการกองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจ แล้วโอนไปรับราชการในกรมสรรพสามิตต์ จน พ.ศ. ๒๔๘๐ ลาออก ในปีนั้นเอง เข้ารับราชการในสำนักพระราชวัง ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลัง แล้วเลื่อนขึ้นเป็นเลขานุการสำนักพระราชวัง ต่อมา เลื่อนเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง พ.ศ. ๒๔๘๗ ย้ายไปดำรงตำแหน่งราชเลขานุการในพระองค์ ทั้งนี้ เป็นด้วยทางการเมืองเข้าไปครอบงำราชการในพระราชสำนัก

นายเฉลียวนั้น นอกจากมีจิตใจฝักใฝ่อยู่กับนายปรีดีมาก่อนนานแล้ว เมื่อนายปรีดีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมบูรณ์ด้วยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแตผู้เดียว นายเฉลียวก็ยิ่งมีอำนาจยิ่งขึ้น นายเฉลียวดำรงตำแหน่งราชเลขานุการในพระองค์ได้ ๓ เดือนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติพระนคร นายทวี บุณยเกตุ รองนายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๘ ว่า เพื่อให้มี