หน้า:คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๒-๑๔ (ส่วนตน).pdf/22

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว


– ๓ –

แจ้งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท (แบบ บอจ. ๕) ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงมีมูลให้ควรสงสัยถึงการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าวทันทีหลังจากมีคำสั่ง ของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่ผู้ถูกร้องอ้างว่ามีการโอนหุ้นของผู้ถูกร้องไปตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ แต่ไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนในระยะเวลาใกล้เคียงกับที่เคยปฏิบัติตามปกติจนล่วงพ้น มาเกือบสามเดือน นอกจากนี้ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นในวันที่อ้าง ได้แก่ สำเนาเอกสาร หนังสือรับรองการโอนหุ้น ทนายความผู้ทำคำรับรอง (เป็นทนายความของพรรคอนาคตใหม่เอง) ตราสารการโอนหุ้น เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนแต่เป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด สามารถจัดทำขึ้นเองได้ในภายหลังทั้งสิ้น และเก็บรักษาไว้ที่บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด รวมถึงการปิดอากรแสตมป์ทั้งหมดพร้อมประทับ ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ เพื่อเน้นให้เห็นว่าได้มีการโอนหุ้นกันจริงในวันดังกล่าว แต่กลับไม่ได้นำไป แจ้งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครโดยเร็วแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ผู้ถูกร้องทราบดีว่าจะต้อง ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อภายในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนนับแต่วันที่อ้างว่ามีการโอนหุ้นดังกล่าว ตลอดจนการเดินทางไป พบปะประชาชนที่จังหวัดบุรีรัมย์ในวันเดียวกันกับที่จะมีการโอนหุ้นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผู้ถูกร้องกลับ ยืนยันไม่ได้ว่าได้กำหนดกิจกรรมใดไว้ล่วงหน้าหรือไม่ ทำไมจึงกระทำเรื่องที่สำคัญซ้ำซ้อนในวันเดียวกัน จึงมีเหตุที่ทำให้น่าเชื่อว่าผู้ถูกร้องมิได้มีการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ จริงและมีข้อสงสัยว่าอาจแต่เป็นการทำเอกสารต่าง ๆ ย้อนหลังขึ้นมาเองทั้งสิ้น

แต่เมื่อได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงข้อกล่าวหา เอกสารต่าง ๆ ประกอบกับการไต่สวนพยาน บุคคลของศาลรวม ๑๐ ปากในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ แล้ว พบข้อเท็จจริงว่าในช่วงเช้าวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ ผู้ถูกร้องปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ พรรคอนาคตใหม่และพบปะประชาชนที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ และเมื่อภารกิจในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ผู้ถูกร้องได้เดินทางด้วยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๗ กภ ๘๘๓๙ กรุงเทพมหานคร ออกจากจังหวัด บุรีรัมย์เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ นาฬิกา ถึงบ้านของผู้ถูกร้องที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น สถานที่โอนหุ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ นาฬิกา โดยมีนายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ พนักงานขับรถได้ขับรถ โดยใช้ความเร็วอันเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจราจรได้ออกใบสั่งฐานขับรถยนต์โดยใช้ความเร็วเกินกว่าที่ กฎหมายกำหนดซึ่งปรากฏหลักฐานจากกล้องตรวจจับความเร็วที่อำเภอนางรอง ในเวลา ๑๑.๔๑ นาฬิกา และอำเภอคลองหลวงในเวลา ๑๔.๔๕ นาฬิกา อันเป็นเส้นทางการเดินทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ มายังกรุงเทพมหานคร และมีหลักฐานการผ่านทางพิเศษด่านธัญบุรี ๑ (ขาเข้า) เวลา ๑๔.๕๗ นาฬิกา