หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/127

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
112

ปิ่นเกส" สวรรคตแล้ว พระราชโอรสซงพระนามว่า "พระจุลปิ่นเกส" เสวยราชย์ ไม่มีความสามาถ จึงเสียบ้านเมือง สมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงซงทอดพระเนตรเห็นหนังสือนั้น ตรัดว่า เพียงแต่นายกุหลาบเอาความเท็ดแต่งลวงว่าเปนความจิงก็ไม่ดีหยู่แล้ว ซ้ำบังอาดเอาพระนามพระจอมเกล้ากับพระจุลจอมเกล้าไปแปลงเปนพระปิ่นเกสและพระจุลปิ่นเกสเทียบเคียงไส่โทสเอาตามไจ เกินสิทธิไนการแต่งหนังสือ จึงโปรดไห้เจ้าพระยาอภัยราชา (ม.ร.ว.ลภ สุทัสน์) เมื่อยังเปนที่พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง เรียกตัวนายกุหลาบมาสั่งไห้ส่งต้นตำราเรื่องพงสาวดารเมืองสุโขทัยที่อ้างว่ามีนั้นมาตรวด นายกุหลาบก็ต้องรับสารภาพว่า ตัวคิดขึ้นเองทั้งนั้น พระเจ้าหยู่หัวตรัดว่า จะลงโทสหย่างจริตผิดปรกติ โปรดไห้ส่งตัวนายกุหลาบไปหยู่กับผู้จัดการไนโรงเลี้ยงบ้าสัก 7 วัน แล้วก็ปล่อยไป นายกุหลาบเข็ดไปหน่อย ถึง ร.ส. 119 (พ.ส. 2443) เมื่องานพระเมรุสมเด็ดพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุนหิส ก็แต่งอธิบายแบบแผนงานพระบรมสพครั้งกรุงสรีอยุธยาไนหนังสือสยามประเภทเปนทีว่า งานพระเมรุที่ทำครั้งนั้นยังไม่ถูกต้องตามแบบแผน และอ้างว่า ตัวมีตำราเดิมหยู่ พระเจ้าหยู่หัวมีรับสั่งไห้ข้าหลวงเรียกนายกุหลาบมาถาม ก็รับสารภาพว่า เปนแต่คิดแต่งขึ้นอวดผู้อื่น หามีตำหรับตำราหย่างอ้างไม่ ครั้งนี้ เปนแต่โปรดไห้ประกาสไนหนังสือราชกิจจานุเบกสาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ปีนั้น หาได้ลงโทสนายกุหลาบหย่างไดไม่ นายกุหลาบก็ไม่เข็ด พอถึงงานพระเมรุ