หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/152

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
137

ดำหริเห็นชอบด้วย ตั้งแต่ฉันกราบทูนความคิดที่จะไปมนทลเพชรบูรน์ ตรัดว่า “ไปเถิด หย่ากลัว สมเด็ดพระพุทธยอดฟ้าฯ ของเราท่านก็สเด็ดไปแล้ว” ไนเวลานั้น ตัวฉันเองตั้งแต่เปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทยได้ไปตามหัวเมืองต่าง ๆ เคยผ่านป่าดงแม้ที่ว่าไข้ร้ายมาหลายครั้งแล้ว ไม่รู้สึกครั่นคร้ามหย่างไร แต่ประหลาดหยู่ที่พอรู้กันว่า ฉันจะไปเมืองเพชรบูรน์เปนแน่ ก็มีผู้มาขอไปเที่ยวด้วยหลายคน แม้พวกที่ฉันเลือกเอาไปช่วยธุระหรือไช้สอยก็สมัคไปด้วยยินดี ไม่เห็นมีไครครั่นคร้าม คงเปนด้วยอุ่นไจ คล้ายกับจะเข้าไปยังที่ซึ่งเขาว่า ผีดุ ไม่มีไครกล้าไปคนเดียว แต่พอมีเพื่อนไปด้วยหลายคน ก็หายกลัวผีไปเอง

(3)

ฉันออกเรือจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ส. 2447 ช้าไปสัก 1 5 วัน น้ำไนแม่น้ำตั้งแต่กรุงสรีอยุธยาขึ้นไปลดงวดลงเสียมาก แม้เรือไฟที่จูงเรือพ่วงเปนหย่างกินน้ำตื้นก็ลำบาก ต้องเดินเรือถึง 8 วันจึงถึงอำเพอบางมูลนาค แขวงจังหวัดพิจิตร ที่จะขึ้นเดินทางบก เทสาภิบาลมนทลพิสนุโลกจัดพาหนะและคนหาบของเตรียมไว้แล้ว พอฉันขึ้นไปถึง ก็มีพวกที่ถูกเกนจ้างหาบของเข้ามาวิงวอนขอไห้ไช้ไปทางอื่น หย่าไห้ต้องไปเมืองเพชรบูรน์ เพราะกลัวความไข้ ฉันประหลาดไจที่คนเหล่านั้นหยู่ไกล้ ๆ กับเมืองเพชรบูรน์ ไฉนจึงกลัวไข้ถึงปานนั้น สืบถามได้ความว่า พวกชาวจังหวัดพิจิตรที่หยู่ตอนริมน้ำ

18