หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/169

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
154

สงครามไม่มีหยู่ไนเวลานั้น เรื่องก็น่าจะเลยสูญ

ฉันล่องเรือจากเมืองวิเชียรมาถึงบ้านนาตะกุดอันเปนท่าที่จะขึ้นเดินบกไปยังเมืองโบรานไนวันนั้น ไห้เรียกพวกชาวบ้านสีเทพอันหยู่ไกล้เมืองโบรานมาถามถึงเบาะแสและสิ่งซึ่งน่าดูไนเมืองนั้น แต่คนเหล่านั้นต่างคนพากันปติเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็น จนออกประหลาดไจ ฉันคิดไคร่ครวนดูเห็นว่า คนพวกนั้นไม่เคยพบเจ้านาย และไม่เคยได้ยินไครซักไซ้ไถ่ถามเช่นนั้นมาแต่ก่อน น่าจะเข้าไจตามประสาของเขาว่า ฉันคงได้ลายแทงปริสนามาขุดทรัพย์แผ่นดิน ถ้าพาไปไม่ได้ทรัพย์ ก็จะถูกลงโทส จึงบอกปัดเสียไห้พ้นภัย ต้องพูดจาชี้แจงหยู่นาน จนคนเหล่านั้นวางไจ จึงบอกออกความตามรู้เห็น และรับจะพาไปตามประสงค์ ฉันพักแรมหยู่คืนหนึ่ง พอรุ่งเช้าก็ไปดูเมืองโบราน ระยะทางห่างลำน้ำราว 150 เส้น เปนเมืองไหย่โต ตั้งไนที่ราบ มีคูรอบ และมีปราการถึง 2 ชั้น มีสะน้ำก็หลายสะ ที่กลางเมืองมีปรางค์เทวะสถานทั้งข้างนอกเมืองและไนเมืองเรี่ยรายไปหลายแห่ง แต่ข้อสำคันของการดูเมืองโบรานแห่งนี้หยู่ที่ไปพบของจำหลักสิลาแปลก ๆ มีหยู่เกลื่อนกล่น เพราะยังไม่มีไครได้เคยไปค้นของโบรานมาแต่ก่อน พวกชาวบ้านนำไปไห้ฉันเห็นสิ่งไดชอบไจ ฉันก็ไห้เงินเปนรางวัลแก่ผู้นำ ถ้าเปนของขนาดย่อมพอจะส่งลงมากรุงเทพฯ ได้ ก็ไห้นายอำเพอเอามารวมไว้แล้วส่งตามลงมาเมื่อพายหลัง วิธีไห้เงินรางวัลแก่ผู้นำมีผลดีมาก พวกชาวบ้านบอกไห้