ไห้คุมตัวมาไห้พบกับฉันสักหน่อย ท่านไห้คุมมาไนวันรุ่งขึ้น พอฉันแลเห็นก็นึกประหลาดไจ ด้วยดูเปนคนสุภาพ รูปพรรนสันถานไม่มีลักสนะหย่างไดที่จะส่อว่า ไจคอเหี้ยมโหดถึงเปนตัวหัวหน้านายโจร เมื่อพูดด้วย ถ้อยคำที่ตอบก็เรียบร้อยเหมือนหย่างเคยเพ็ดทูนเจ้านายมาแต่ก่อน ฉันออกพิสวง จึงถามว่า ได้เคยเฝ้าแหนเจ้านายมาแต่ก่อนบ้างหรือ โจรจันท์ตอบว่า ได้เคยเฝ้าหลายพระองค์ ที่เคยซงไช้สอยก็มี ฉันยิ่งสงสัย ถามว่า "ก็แกเปนโจร เจ้านายท่านไม่ซงรังเกียดหรือ" โจรจันท์ตอบว่า "เจ้านายท่านไม่ซงซาบว่าเปนโจร หย่าว่าแต่เจ้านายเลย ถึงคนอื่น ๆ ก็ไม่มีไครรู้ว่าเปนโจร รู้แต่ไนพวกโจรด้วยกันเท่านั้น" เพราะพวกโจรต้องระวังตัวกลัวถูกจับด้วยกันทั้งนั้น เรียกกันว่า "นักเลง" คนอื่นก็เลยเรียกว่า นักเลง หมายความแต่ว่า เปนคนกว้างขวาง นักเลงคนไหนมีพวกมาก ก็เรียกกันว่า "นักเลงโต" นักเลงที่ไม่เปนโจรก็มี แต่นักเลงเปนคนกว้าง รับไช้สอยได้คล่องแคล่ว ผู้มีบันดาสักดิ์จึงชอบไช้ ก็ได้คุ้นเคยกับผู้มีบันดาสักดิ์ด้วยเหตุนั้น ฉันไถ่ถามความข้ออื่นต่อไป โจรจันท์ก็เล่าไห้ฟังโดยซื่อแม้จนลักสนะที่ทำโจรกัม คงเปนเพราะเห็นว่า ได้รับสารภาพความผิดต่อเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ หมดแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องปกปิดต่อไป แต่การที่ถามโจรจันท์ ความประสงค์ของเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ กับความประสงค์ของตัวฉันผิดกัน เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ประสงค์รู้เรื่องปล้นเมื่อเดือนกรกดาคมเปนสำคัน แต่ตัวฉันหยากรู้วิธีของโจรผู้ร้ายทั่วไป ไม่ฉเพาะแต่เรื่อง
หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/180
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
165