หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/256

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
241

ยกพลจากเมืองสมุทสาครไปปราบ พวกอั้งยี่ที่เมืองฉเชิงเซาต่อสู้พ่ายแพ้ พวกจีนถูกค่าตายกว่า 3,000 คน อั้งยี่เมืองฉเชิงเซาจึงสงบ ต่อมาอีก 2 ปีก็สิ้นรัชกาลที่ 3

เมื่อรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวตรัดปรึกสาเสนาบดีเห็นพร้อมกันว่า การจับฝิ่นเมื่อรัชกาลที่ 3 แม้จับกุมหย่างกวดขันมาหลายปี ฝิ่นก็ยังเข้ามาได้เสมอ คนสูบฝิ่นก็ยังมีมากไม่หมดไป ซ้ำเปนเหตุไห้เกิดอั้งยี่ถึงต้องรบพุ่งค่าฟันกันหลายครั้ง จะไช้วิธีจับฝิ่นหย่างนั้นต่อไปเห็นจะไม่เปนประโยชน์อันได จึงเปลี่ยนนโยบายเปนตั้งพาสีฝิ่นผูกขาด คือ ฉเพาะแต่รัถบาลซื้อฝิ่นเข้ามาต้มขายเอากำไรไห้จีนซื้อฝิ่นสูบได้ตามชอบไจ คงห้ามแต่ไทยมิไห้สูบฝิ่น

พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซงพระราชดำริอีกหย่างหนึ่งว่า ที่อั้งยี่หาพัคพวกได้มาก เปนเพราะพวกจีนที่ไปทำเรือกสวนหรือค้าขายหยู่ตามหัวเมืองมักถูกพวกจีนเจ้าพาสีเบียดเบียนไนการเก็บอากร และถูกคนไนพื้นเมืองรังแกได้ความเดือดร้อน ไม่มีไครจะเกื้อหนุน จึงมักไปพึ่งอั้งยี่ ซงแก้ไขข้อนี้ด้วยไห้เลือกหาจีนที่ตั้งตัวได้เปนหลักแหล่งแล้วและเปนคนซื่อตรงมีคนนับถือมาก ตั้งเปนเปนตำแหน่งปลัดจีนขึ้นไนกรมการตามหัวเมืองที่มีจีนมาก สำหรับช่วยอุปการะและรับทุข

31