หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/282

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
267

เหมือนหย่างปราบครั้งก่อนหรือหย่างไร เจ้าพระยาสุรพันธฯ ตอบว่า จะปราบด้วยกำลังไนพื้นเมืองดูก่อน ต่อมาสักหน่อย ได้ข่าวว่า พวกอั้งยี่ทิ้งค่ายที่ดอนกะเบื้องหนีไปหมดแล้ว ฉันพบเจ้าพระยาสุรพันธฯ ถามว่า ท่านปราบหย่างไร ท่านบอกว่า ไช้วิธีของสมเด็ดเจ้าพระยาฯ ซึ่งท่านเคยรู้มาแต่ก่อน ได้บอกหมายสั่งเกนท์กำลังและเครื่องอาวุธไห้ปรากตว่า จะไปปราบซ่องจีนที่ดอนกะเบื้อง แล้วไห้เอาปืนไหย่ทองเหลืองที่มีทิ้งหยู่ไต้กุนเรือนสมเด็ดเจ้าพระยาฯ 2 กะบอกออกมาขัดสีที่สนามไนบริเวนจวนของท่านว่า จะเอาไปยิงค่ายจีนที่ดอนกะเบื้อง พอข่าวระบือไป พวกอั้งยี่ก็หนีหมด เพราะพวกเจ๊กกลัวปืนไหย่ แต่เมื่อตั้งตำหรวดภูธรแล้ว ก็ไม่ต้องไช้อุบายหย่างนั้นอีก แต่อั้งยี่ที่มีขึ้นตามหัวเมืองไนชั้นฉันเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทยปราบปรามไม่ยากอันได ถึงกะนั้น เมื่อคิดดูก็น่าพิสวงว่า เพราะเหตุไดพวกจีนอั้งยี่จึงยังตั้งอั้งยี่ พิเคราะห์ตามเหตุการน์ที่เคยเกิดอั้งยี่มาแต่ก่อน เปนต้นว่า การห้ามสูบฝิ่นหย่างครั้งรัชกาลที่ 3 ก็ไม่มีแล้ว เหตุที่แย่งกันรับจีนไหม่ก็ไม่มีตามหัวเมือง เหตุที่แย่งกันผูกพาสีอากรก็ดี ที่ถูกเจ้าพาสีอากรเบียดเบียนก็ดี ก็ไม่มีแล้ว เพราะรัถบาลก็เก็บพาสีอากรเอง การปกครองท้องที่ก็เรียบร้อย ไม่ต้องมีปลัดจีนหรือกงสุลจีนไนบังคับสยามเหมือนหย่างแต่ก่อน แล้วไฉนจึงยังมีอั้งยี่ตามหัวเมือง สังเกตดูนักโทสที่ต้องจับเพราะเปนอั้งยี่ ดูก็มักจะเปนชั้นคนทำมาหากิน ไม่น่าจะเปนอั้งยี่ นึกสงสัยว่า ชรอยจะมีเหตุอะไรที่ยังไม่รู้ซึ่งเปนมูนไห้มีอั้งยี่ตามหัวเมือง ฉันจึงปรารภกับ