หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/293

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
278

"มนทลอุดร" และเปลี่ยนนามมนทลลาวกาวเปน "มนทลอิสาน" ตามทิสของพระราชอานาเขต ทั้งไห้เลิกเรียกไทยชาวมนทลทั้ง 3 นั้นว่าลาวด้วย แต่นั้นก็เรียกรวมกันว่า "ไทยเหนือ" แทนเรียกว่าลาว ถ้าเรียกแยกกันก็เรียกตามชื่อมนทลที่หยู่ว่า ชาวมนทลพายัพ ชาวมนทลอุดร และชาวมนทลอิสาน หย่างเช่นเรียกชาวมนทลปักส์ไต้ฝ่ายตะวันตกว่า "ชาวนคร" (นครสรีธัมราช) ครั้นมาถึงสมัยเมื่อเลิกมนทลเสียแล้ว มีผู้รู้โบรานคดีคนหนึ่งแต่งหนังสือเอาชื่อของแว่นแคว้นมนทลพายัพแต่โบราน มาไช้เรียกชาวมนทลพายัพว่า "ชาวลานนา" ฉันเห็นชอบด้วย จึงเอาหย่างมาเรียกชาวมนทลอุดรและอิสานไนนิทานนี้ว่า "ชาวลานช้าง" ตามชื่อแว่นแคว้นอันเปนคู่กันกับ "ลานนา" มาแต่ก่อน

ไทยชาวลานช้าง มีลัทธิทำเนียมที่ถือกันสืบมาแต่ดั้งเดิมหลายหย่าง ท่านผู้รู้ มีสมเด็ดพระมหาวีรวงส์ (อ้วน) เปนต้น ได้เขียนอธิบายลงพิมพ์ไว้แล้วหลายเรื่อง ไนนิทานนี้ฉันจะเล่าถึงลัทธิทำเนียมแต่บางหย่าง ที่ฉันได้เห็นเมื่อขึ้นไปครั้งนั้น

พิธีบายสรี

ตั้งแต่เมืองชนบทไป ฉันพักที่เมืองไหนพวกชาวเมืองก็มาทำพิธีบายสรีทำขวันทุกเมือง คือเอาของกินตั้งเรียงไนพานซ้อนกันสองชั้นสามชั้น ประดับประดาด้วยดอกไม้สดหย่างประนีตบันจง