หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/351

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
336

ไนเมืองท้าวอู่ทองเมื่อฉันไปดู เปนแต่ที่อาสัยของสัตว์ป่า ได้เห็นอีเก้งวิ่งผ่านหน้าม้าไปไกล้ ๆ แต่สังเกตดูพื้นที่เปนโคกน้อยไหย่ต่อ ๆ กันไปทุกทาง และตามโคกมีก้อนหินและอิถหักปนหยู่กับดินแทบทั้งนั้น เพราะเคยเปนที่ปูชนียสถาน เช่น พระเจดียวิหาร เมื่อบ้านเมืองยังดี เห็นจะมีมาก ฉันดูเมืองแล้ว ไห้คนแยกย้ายกันไปเที่ยวค้นหาของโบรานที่ยังมีทิ้งหยู่ไนเมืองท้าวอู่ทอง พบของหลายหย่าง เช่น พระเสียรพระพุทธรูป เปนต้น แบบเดียวกันกับพบที่พระปถมเจดีย์ แม้เงินเหรียญตราสังข์ของโบรานซึ่งเคยพบแต่ที่พระปถมเจดีย์ ชาวบ้านก็เคยขุดได้ที่เมืองท้าวอู่ทอง ดูประหลาดนักหนา ไช่แต่เท่านั้น แม้เทวะรูปโบรานที่นับถือกันไนสมัยพายหลังมา ก็มีรูปพระวิสนุแบบเก่าที่ทำไส่หมวกแทนมงกุฎหยู่ที่ท่าพระยาจักรองค์หนึ่ง ซึ่งคนถือว่า สักดิสิทธิ์ ไม่กล้าย้ายเอาไปที่อื่น ซากของชั้นหลัง เช่น พระเจดีย์แบบสมัยกรุงสุโขทัย ก็มี เมื่อฉันได้เห็นเมืองท้าวอู่ทองเปนดังว่ามา คิดว่า น่าจะเปนเมืองตั้งมาแต่ไนสมัยเมื่อเมืองที่พระปถมเจดีย์ เปนราชธานีของประเทส (ที่นักปราชญ์เขาค้นได้ไนจดหมายเหตุจีนว่า ชื่อ "ทวาราวดี") จึงไช้สิ่งของแบบเดียวกันมาก ไจฉันก็เริ่มผูกพันกับเมืองท้าวอู่ทองมาตั้งแต่ไปเห็นเมื่อครั้งแรก

ครั้นถึงสมัยเมื่อส้างเมืองนครปถมขึ้นที่ตำบนพระปถมเจดีย์ ฉันออกไปตรวดการบ่อย ๆ สังเกตเห็นที่พระปถมเจดีย์มีรอยลำน้ำเก่า 2 สาย สายหนึ่งวกวนขึ้นไปทางทิสเหนือ อีกสายหนึ่งวกวนไปทางทิสตะวันตก ฉันหยากรู้ว่า ลำน้ำสายไปข้างเหนือนั้น จะขึ้นไปถึงเมืองท้าว