หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/355

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
340

เชียงไหม่ และพระเจ้าน่าน มิไช่ชื่อตัวบุคคล คิดต่อไปว่า เหตุไฉนจึงเปลี่ยนชื่อเมืองสุพรรนภูมิเปนเมืองอู่ทอง เห็นว่า เมืองนั้น เดิมพวกพราหมน์คงตั้งชื่อว่า "สุพรรนภูมิ" ไนสมัยเดียวกันกับตั้งชื่อ "เมืองราชบุรี และเมืองเพชรบุรี" ต่อมา น่าจะร้างเสียสักคราวหนึ่ง เนื่องจากเหตุที่พระเจ้าราชาธิราชเมืองพุกามมาตีเมืองราชธานีที่พระปถมเจดีย์ไนระหว่าง พ.ส. 1600 ต่อมา พวกไทยลงมาจากข้างเหนือ อาดเปนพวกพระเจ้าสิริชัยเชียงแสนก็ได้ มาตั้งเมืองสุพรรนภูมิขึ้นอีก เรียกชื่อกันเปนภาสาไทย จึงได้นามว่า "เมืองอู่ทอง" แต่ไนจารึกของพระเจ้ารามคำแหงไช้ชื่อตามทำเนียมเดิม จึงเรียกว่า "เมืองสุพรรนภูมิ"

พอฉันโคสนาความที่คิดเห็นเรื่องเมืองอู่ทองไห้ปรากต พวกนักเรียนโบรานคดีก็เห็นชอบด้วยหมด เมืองนั้นจึงได้ชื่อเรียกกันว่า "เมืองอู่ทอง" แต่นั้นมา ถึงรัชกาลที่ 6 เมื่อค้นพบพระเจดีย์ยุธหัตถีซึ่งสมเด็ดพระนเรสวรมหาราชซงส้างไว้ตรงที่ชนช้างชนะพระมหาอุปราชาเมืองหงสาวดีนะตำบนหนองสาหร่ายไนแขวงเมืองสุพรรนฯ พระบาทสมเด็ดพระมงกุฎเกล้าเจ้าหยู่หัวซงพระราชสัทธาอุตสาหะสเด็ดเดินป่าจากพระปถมเจดีย์ไปนมัสการพระเจดีย์นั้นเมื่อ พ.ส. 2456 ได้สเด็ดแวะทอดพระเนตรเมืองอู่ทองไนระหว่างทาง ประทับแรมหยู่ที่ไนเมืองคืนหนึ่ง ซงพระราชดำริเห็นว่า วินิจฉัยเรื่องเมืองอู่ทองมีหลักถานมั่นคง ต่อมาถึง พ.ส. 2468 เมื่อซงสถาปนาสมเด็ดพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล เปนเจ้าฟ้าต่างกรม จึงพระราชทานพระนามกรม