หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/47

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
32

ได้ยินเรียกหลายแห่ง หมายความเหมือนกันหมดว่า ที่ตอนนั้น เมื่อถึงรึดูแล้งแห้งผาก คนเดินทางหาน้ำกินไม่ได้ ฉันขี่ม้าไปตั้งแต่เช้าจนสาย ออกจะหิว เหลียวหาคนพวกหาบอาหารก็ตามไม่ทัน ถึงบ้านชาวนาแห่งหนึ่ง มีพวกชาวบ้านพากันออกมานั่งคอยรับและมีแก่ไจหาสำรับกับข้าวตั้งเรียงไว้ที่หน้าบ้านเตรียมเลี้ยงพวกฉันที่จะผ่านไป ฉันลงจากม้าไปปราสัยแล้วเปิดฝาชีสำรับดู เห็นเขาหุงข้าวแดงแต่เปนข้าวไหม่ไนปีนั้นมาเลี้ยงกับปลาแห้งปีไหม่นั้นเหมือนกัน นอกจากนั้น มีกับข้าวหย่างอื่นอีกสองสามสิ่งซึ่งไม่น่ากิน เห็นแต่ข้าวไหม่กับปลาแห้งก็อยากกินด้วยกำลังหิว เลยหยุดพักกินข้าวที่ชาวบ้านเลี้ยง อร่อยพิลึก ยังไม่ลืมจนบัดนี้ สังเกตดูชาวบ้านเห็นพวกเรากินเอร็ดอร่อยก็พากันยินดี ข้าวปลาบกพร่องก็เอามาเพิ่มเติมจนกินอิ่มกันหมด คงรู้สึกว่า หามาไม่เสียแรงเปล่า เมื่อกินอิ่มแล้ว ฉันวางเงินปลีกไห้เปนบำเหน็ดทุกสำรับ

ตรงนี้จะเล่าถึงเรื่องชาวบ้านเลี้ยงคนเดินทางเลยไปอีกสักหน่อย เคยสังเกตมา ดูเหมือนชาวเมืองไทย ไม่เลือกว่า หยู่หัวเมืองไหน ๆ ถ้ามีแขกไปถึงบ้าน ชอบเลี้ยงอาหารด้วยความอารี มิได้ปราถนาจะเรียกค่าตอบแทนหย่างไร จะว่า เปนธัมดาของชนชาติไทย ก็เห็นจะได้ ฉันเคยได้ยินคนไปเที่ยวตามหัวเมือง แม้จนฝรั่ง มาเล่าและชมเช่นนั้นเปนปากเดียวกันหมด ฉันได้เคยเห็นเปนหย่างประหลาดครั้งหนึ่งเมื่อสมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงสเด็ด "ประพาสต้น" (คือ มิไห้ไครรู้จัก) เวลาเย็นวันหนึ่ง ซงเรือพายไปไนทุ่งทางคลองดำเนินสดวก ไปถึงบ้านชาวไร่