หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/49

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
34

ทางไนเมืองไทยจึงสดวกด้วยประการฉะนี้

พ้นทุ่งนาไนแขวงเมืองอ่างทอง ต้องฝ่าพงย่านสาวร้องไห้ไปสักชั่วนาลิกาหนึ่ง ก็ออกท้องทุ่งไนแขวงเมืองสุพรรนบุรี เมื่อไกล้จะถึงชานเมือง แลเห็นต้นตาลเปนป่าไหย่คล้ายกับที่เมืองเพชรบุรี นึกขึ้นถึงนิทานที่ได้เคยฟังเขาเล่าเมื่อตามสเด็ดไปเมืองเพชรบุรีแต่ฉันยังเปนทหานมหาดเล็กซึ่งอ้างเปนมูลของภาสิตว่า "เมืองสุพรรนมีต้นตาลน้อยกว่าเมืองเพชรบุรีต้นเดียว" ดูก็ขันหยู่ นิทานนั้นว่า มีชายชาวสุพรรน 2 คนไปยังเมืองเพชรบุรี วันหนึ่ง เพื่อนฝูงชาวเมืองเพชรหลายคนชวนไห้ไปกินเหล้าที่โรงสุรา พอกินเหล้าเมา ตึงตัวเข้าด้วยกัน ก็คุยอวดอ้างกันไปต่าง ๆ ตามประสาขี้เมา คนที่เปนชาวเมืองเพชรคนหนึ่งอวดขึ้นว่า ที่เมืองไหน ๆ ไม่มีต้นตาลมากเหมือนเมืองเพชรบุรี คนที่เปนชาวสุพรรนขัดคอว่า ที่เมืองสุพรรนมีต้นตาลมากกว่าเมืองเพชรเปนไหน ๆ คนชาวเมืองเพชรออกเคืองว่า เมืองสุพรรนเล็กขี้ประติ๋ว เมืองอื่นที่ไหย่กว่าเมืองสุพรรนก็ไม่มีต้นตาลมากเท่าเมืองเพชรบุรี คนชาวเมืองสุพรรนขัดไจ ตอบว่า อะไร ๆ ที่เมืองสุพรรนมีดีกว่าเมืองเพชรถมไป ทำไมต้นตาลจะมีมากกว่าไม่ได้ เลยเถียงกันจนเกิดโทสะทั้งสองฝ่าย เกือบจะชกกันขึ้น คนชาวสุพรรนเห็นพวกเมืองเพชรมากกว่า ก็รู้สึกตัว ยอมรับว่า "เอาเถอะ ต้นตาลเมืองสุพรรนมีน้อยกว่าเมืองเพชรต้นหนึ่ง" พวกชาวเมืองเพชรก็พอไจ เลยดีกันหย่างเดิม เขาเล่ามาดังนี้