หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/51

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
36

ชำระสะสางก็ไห้เปนไนกรุงเทพฯ หย่าไห้อับอายชาวเมืองสุพรรนเท่านั้นเอง แต่ฉันไปตรวดหัวเมืองครั้งนั้น ตั้งไจแต่จะไปหาความรู้ กับจะดูว่า มีคนดี ๆ หยู่ที่ไหนบ้าง มิได้ปราถนาจะไปเที่ยวค้นคว้าหาความผิดของเจ้าเมืองกรมการสมัยนั้น ไปตามเมืองอื่นก็มิได้ผลัดเปลี่ยนเจ้าเมืองกรมการ จนมาถึงเมืองสุพรรนอันเปนที่สุดทาง มามีเหตุเจ้าเมืองหลบหนี ก็มีความจำเปนจะต้องทำหย่างไรหย่างหนึ่งไห้เด็ดขาด มิฉะนั้น จะถูกดูหมิ่น ฉันจึงสั่งไห้ถือเปนยุติว่า พระยาสุพรรนไม่ได้เปนเจ้าเมืองต่อไปแล้ว ส่วนคดีที่ราสดรยื่นเรื่องราว ก็ไห้เปนแล้วกันไป ด้วยพระยาสุพรรนถูกเอาออกจากตำแหน่งนั้นแล้ว ฉันรับกับราสดรว่า จะหาเจ้าเมืองที่ดีส่งไป มิไห้เบียดเบียนไห้เดือดร้อน พวกที่ยื่นเรื่องราวก็พอไจ

เมื่อฉันพักหยู่ที่เมืองสุพรรนครั้งนั้น มีเวลาไปเพียงที่เจดียวัตถุที่สำคัน เช่น วัดมหาธาตุ และวัดพระป่าเลไล สะน้ำสงราชาภิเสก และไปทำพลีกัมที่สาลเทพารักส์หลักเมือง ซึ่งไนเวลานั้นยังเปนสาลไม้เก่าคร่ำคร่า มีเทวรูปพระพิสนุแบบเก่ามากจำหลักสิลาตั้งหยู่ 2 องค์ ฉันรับเปนหัวหน้าชักชวนพวกชาวเมืองสุพรรนไห้ช่วยกันส้างสาลาไหม่ไห้เปนตึกก่ออิถถือปูนและก่อเขื่อนถมดินเปนชานรอบสาล พวกพ่อค้าจีนช่วยกันแขงแรงทั้งไนการบริจาคทรัพย์และจัดการรักสา ดูเหมือนจะเริ่มมีเฮียกงประจำสาลตั้งแต่นั้นมา

เมืองสุพรรนเปนเมืองสำคันเมืองหนึ่งไนทางโบรานคดี แต่จะรอเรื่องนั้นไว้พรรนนาไนนิทานเรื่องอื่น จะพรรนนาว่าแต่ด้วยของบางหย่าง