น้องชายคล้องมาลาโหมดไห้คนอื่นที่ไปด้วยต่อไป แล้วนั่งสนทนาปราสัยกันเฉพาะมหาราชากับตัวฉัน คนอื่นเปนแต่นั่งนิ่งหยู่ มหาราชาตรัดภาสาอังกริดได้คล่องไม่ต้องมีล่าม วันนั้น แต่งองค์ซงเครื่องเยียระบับ โพกผ้ามีเพชรพลอยประดับ เหน็บกริดฝักทองที่เอว บอกฉันว่า เคยเฝ้าสมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อสเด็ดไปเวลาเทอยังเปนเด็ก ได้รับพระราชทานกริดเล่มนั้นไว้เปนที่ระลึก สนทนากันไปสักครู่หนึ่ง พวกพินพาทย์ก็ออกมานั่งตั้งวงที่ตรงหน้า เริ่มบันเลงเพลงดนตรี แล้วมีหยิงสาวเปนนางนัจจะ Nautch Girl คนหนึ่งออกมาฟ้อนรำเข้ากับจังหวะพินพาทย์ ทำไห้นึกถึงเรื่องรามเกียรติ์ ดังจะพรรนนาที่อื่นต่อไปข้างหน้า มีการฟ้อนรำหยู่สักครู่หนึ่ง แล้วนางนัจจะกับพวกพินพาทย์ก็กลับไป เปนหมดพิธีเพียงเท่านั้น กลับมายังที่พักโดยขบวนเหมือนหย่างเมื่อขาไป
ชื่อที่เรียกวังว่า รามนคร นั้น สังเกตไนหนังสือเก่าดูยุติต้องกันกับคำของพวกพราหมน์ไนเมืองไทยซึ่งว่า บันพบุรุสบอกเล่ากันสืบมาว่า พราหมน์พวกโหรดาจารย์ที่เมืองพัทลุง เดิมหยู่เมืองพารานสี และพวกพราหมน์พิธีที่เมืองนครสรีธัมราช ว่า เดิมหยู่เมืองรามนครดังนี้ จึงสันนิถานว่า เดิมจะเปนชื่อบริเวนราชธานี หย่างเช่นเราเรียกว่า "พระนคร" ไนกรุงเทพฯ คำพารานสีเปนชื่อเรียกจังหวัด หย่างเราเรียกว่า "จังหวัดกรุงเทพฯ" และยังมีคำอื่นสำหรับเรียกรวมทั้งอานาเขตอีกคำหนึ่งว่า "กาสี" แม้ไนพระบาลีก็มีมาแต่โบราน พวกแขกยามไนกรุงเทพฯ ยังบอกว่า พวกของตนเปนชาวกาสี อันรวมอานาเขตกับ