หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/91

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
76

ไห้พ้นอบายภูมิได้ จึงพากันไปบูชาหาบุญเพื่อเหตุนั้น ฉันเข้าไปเยี่ยมดูเพียงประตูวิหาร จะเข้าไปไนนั้น เกรงว่า พวกฮินดูจะรังเกียด เห็นมีสิลาสีดำเทือกหนึ่งซึ่งสมมตว่า เปนตัวยักส์คยา ยาวสัก 8 สอก ดูรูปคล้ายกับคนนอน หยู่บนถานชุกชีกลางวิหาร ทำนองเดียวกันกับม้วนผ้าที่บนพระแท่นดงรังไนเมืองไทย รอยวิสนุบาทฉันไม่ได้เห็น แต่เขาพรรนนาไว้ไนหนังสือนำทางว่า ทำรูปพระบาทด้วยแผ่นเงินขนาดกว้างยาวเท่า ๆ กับตีนคน ติดไว้กับพื้นโพรงหินอันมีหยู่ตรงอกของรูปยักส์ แต่พวกชาวบ้านจำลองรูปพระบาททำด้วยแผ่นทองแดง และทำของอื่น ๆ ด้วยสิลาดำ เช่นเดียวกับที่เปนตัวยักส์จำหลักรูปวิสนุบาทติดไว้ขายพวกสัปบุรุสหลายหย่าง ตำบนคยาสิระนี้ดูชื่อพ้องกับนิทานวัจนนำอาทิตตปริยายสูตร ซึ่งว่า "คยายํ วิหรติ คยาสีเส" น่าจะหมายความว่า "พระพุทธเจ้าซงสแดงพระสูตรนั้นนะตำบนคยาสิระไนแขวงเมืองคยา" คือ ไนตำบนที่ฉันไปนั่นเอง นิทานเรื่องพระนารายน์ปราบยักส์คยาน่าจะเกิดขึ้นต่อภายหลังพุทธกาล ด้วยเอาคำ "คยาสีเส" หรือ "คยาสิระ" มาผูกขึ้นเปนเรื่องยักส์มารดังกล่าวมา

ฉันไปพุทธคยาครั้งนั้น นึกคาดไปว่า จะได้เกียรติเปนไทยคนแรกที่ได้ไปสืบพระสาสนาถึงที่พระพุทธเจ้าตรัดรู้พระโพธิญาน เหมือนเช่นสมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงสเด็ดไปสืบสาสนาถึงมรึคทายวันที่พระพุทธเจ้าซงประกาสตั้งพระพุทธสาสนา แต่เมื่อไปถึงวัดพุทธคยา พอเข้าประตูวิหาร เห็นผ้ากราบพระปักตรางานหลวงไนเมืองไทยผูกห้อย