หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/96

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
81

ลานวัดทำไห้ราบรื่น รื้อแย่งเครื่องสิลาของโบรานที่ส้างไว้ไนบริเวนขนเอาออกไปทิ้งเสียโดยมาก ทั้งเที่ยวรื้อเอาอิถตามโบรานสถานไนที่มีหยู่ไกล้ ๆ ไปก่อกำแพงวัดที่ทำนั้น ทำไห้ยิ่งยับเยินหนักไป แม้ที่องค์พระปรางค์ก็กะเทาะเอาลวดลายปั้นของเดิมที่ยังเหลือหยู่ออกเสีย เอาปูนยารอยที่ชำรุดแล้วทาปูนขาวฉาบทั่วทั้งองค์ เอาเปนสำเหร็ดเพียงนั้น ต่อมา จะเปนด้วยรัถบาลอินเดียรู้สึกเองว่า ที่ได้อนุญาตไห้พม่าปติสังขรน์โดยไม่ควบคุมผิดไป หรือจะเปนด้วยถูกพวกนักโบรานคดีติเตียนมาก เจ้าเมืองบังกล่า Bengal จึงไห้ปติสังขรน์องค์พระปรางค์อีกครั้งหนึ่ง ตกแต่งถือปูนเรียบร้อยทั้งองค์ เห็นจะสำเหร็ดก่อนฉันไปไม่ช้านัก และดูยังไหม่ และมีสิลาจารึกบอกไว้ แต่ฉันจำสักราชไม่ได้ว่า ปติสังขรน์เมื่อปีได

เมื่อฉันไปถึงวัดพุทธคยา พวกพราหมน์มหันต์ Mahant พากันมาต้อนรับ พอฉันบูชาพระและเที่ยวดูทั่วเขตวัดแล้ว เชินไปพักที่เรือนมหาพราหมน์ผู้เปนหัวหน้าพวกมหันต์ มีพิธีต้อนรับ เช่น สวมพวงมาลัยไห้ แล้วจัดของว่างมาเลี้ยง เปนต้น ที่วัดพุทธคยามีเครื่องสิลาจำหลักของโบรานเหลือหยู่มากกว่าที่มรึคทายวัน พวกพราหมน์มหันต์เก็บเอามาประดับประดาไว้ตามที่ต่าง ๆ ฉันหยากได้สิ่งไหนออกปากขอ ก็ยอมไห้โดยเต็มไจไม่ขัดขวาง ฉันเลือกแต่ของที่แปลกตาขนาดเล็ก ๆ พอจะเอามาด้วยได้สักสี่ห้าสิ่ง บางสิ่งก็มาเปนของสำคันดังจะเล่าที่อื่นต่อไป เหตุที่พวกพราหมน์มหันต์จะได้เปนเจ้าของวัดพุทธคยานั้น ปรากตว่า กว่า 200 ปีมาแล้ว ไนสมัยบริสัทอังกริดยังปกครองอินเดียขยายอานาเขต

11