หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/133

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๙๘

 พระยาหน่อคำเสถียรไชยสงครามตนพ่อเสี้ยงกรรมไปแล้ว เจ้าเจตบุตรตนพี่ก็ได้เสวยเมืองแทนพ่อ ก็ในปีกัดเป๋า จุลศักราช ๙๕๓ ตัวนั้นแล ท่านเสวยเมืองได้ ๖ ปี เถิงปีกาบซง้า จุลศักราชได้ ๙๕๘ ตัว เดือน ๘ ลง ๓ ค่ำ ท่านก็เสด็จลงไปอยู่เมืองพ้อ ไปสร้างวัดดอนแท่นไว้ ได้อภิเศกสามีเจ้าขวานแขวนหื้อเปนสังฆราชาแล้ว เมื่อเวลาจักใกล้ มานั้น ท้าวขุนทั้งหลายในเมืองพ้อ ก็พากันแต่งไปเก็บเอาแก้วบ่อน้ำสามาถวายมากนักหั้นแล ท่านก็มีอาชญาหื้อ คนทั้งหลายปัดแปงสะเองยาว ๔ วา กว้าง ๕ ปล้อง ประดับเปนบัวผัด ใสไตรคว่ำรอดทั้งมวล สายสะเองยาว ๓ ศอก กว้าง ๓ ปล้อง ประดับแก้วเสี้ยงพันปายลูก ๑ แล ปีดับเม็ด เดือน ๙ เพ็ง อภิเศกเถรเจ้าแช่แห้งหื้อเปนสังฆราชาหั้นแล เดือน ๙ ลงค่ำ ๑ ใส่สะเองคาดกลางคว่ำแลมารเข้าแลยอดมหาเจดีย์หลวง อันท้าวอ้ายยวมสร้าง นั้นแล

 ปีดับเม็ด จุลศักราชได้ ๙๕๙ ตัว เดือนยี่ลง ๙ ค่ำ ยามกองแลง เจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ คือพระยาหลวงน่านแลเจ้าฟ้าสาระวดีต่อรบกันที่ปากง้าวหั้นแล ฝ่ายพระยาน่านบ่ชนะ เจ้าฟ้าสาระวดีถอยรี้พลลงมา ส่วนตนเจ้าพระยาน่านก็หนีไปเมืองล้านช้างพุ้นวันนั้นแล เจ้าฟ้าสาระวดีท่านก็มาแต่งท้าวพระยาทั้งหลายมีพระยาแขก หื้ออยู่รักษาเมืองน่านหั้นก่อนแล

 ครั้นเถิง ๓ ปี คือเถิงเบิกเสร็จ จุลศักราช ๙๖๒ ตัว เจ้าเจตบุตร คือ พระยาหลวงน่านได้กำลังลาวคือลาวก็ฟื้นหงษาออกมา แลเจ้า พระยาหลวงน่านได้กำลังแล้ว ก็พาเอากำลังศึกเมืองล้านช้างไปรบเอา