หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/141

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๐๖

"0.8"px ดังเจ้าพระยาเมืองราชานั้นไปอยู่เมืองล้านช้างบ่นานเท่าใด ก็หนีไปเมืองใต้พุ่นหั้นแล ได้ ๔๗ เช่นท้าวแล ฯ

"0.8"px ทัพม่านครั้นเถิงเมืองแล้วก็กระทำอันตรายแก่บ้านเมืองรั้วเวียงทั้งมวล คือจุดเผาม้างเพะพระพุทธรูปเจ้าวัดภูมินทรองค์ตวันตกนั้นก็ม้างดู อนึ่งยอดมหาเจดีย์ทิพธาตุเจ้าแช่แห้งแลเจดีย์หลวงกลางเวียงแลทิพเจดีย์เจ้า ก็ม้างเพะวัดวาอารามสาสนาธรรมพระพุทธเจ้าก็จุดเผาเสี้ยง จะดาไว้แต่แผ่นดินหั้นแล ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายก็ตายกันเปนอันมากนักหั้นแล เพราะยังบ่เชื่อบ่ตองยังราชสัจพระมหากษัตริย์เจ้าก็เปนสันนั้นแล เช่น ๓ ท้าวนี้ แม้ว่ามหาธาตุเจ้าแลวัดวาอารามหลุพังตามค้ำศาลาที่ใดก็บ่สร้างแปงสักอันแล เท่าแต่พระธรรมสังฆเจ้าแลศรัทธาพระไทยทั้งหลายพร้อมกันหยุดยาทาบผงตามแต่ได้เท่านั้นแล ฯ

"0.8"px เถิงปีเมิงไก๊ จุลศักราชได้ ๑๐๖๙ ตัว เดือน ๕ ขึ้น ๒ ค่ำ วันอังคาร พระมหากระษัตริย์เจ้าเมืองอังวะมีอามิศต่อตั้งหื้อ น้อยอินทร์บ้านฝายแก้วเปนพระนาซ้าย ครอบครองเมืองหั้นก่อนแล เพราะน้อยอินทร์ผู้นั้นยามเมื่อกองทัพม่านมากุมเอาเมืองน่านได้แล้ว ก็จุดเผาวัดวาอารามสาสนา คนทั้งหลายก็แตกตื่นกันเข้าป่าเข้าห้วย ลาวเข้าลี้ซ่อนอยู่สันนั้น ข้าศึกม่านหนีแล้ว น้อยอินทร์ผู้นั้นก็ค่อยเล้าโลมเอาชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายคืนมาตั้งอยู่เหมือนเก่าแล้ว ลุนนั้นมาได้ปี ๑ แกวแลลาวก็ซ้ำมาปราบประจญเอาเมืองน่านแถมครั้ง ๑ ก็กวาดเอาข้าคนพลเมืองไปไว้เมืองแกวเมืองลาวเปนอันมาก คนทั้งหลายบางพ่องก็แตกตื่นเข้าป่าเข้าห้วยดงดอยเงียงถ้ำลี้ซ่อนอยู่ก็มี