หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/151

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๑๖

ท่านดีงามหั้นแล เรียกได้ชื่อว่าเช่นชั่ววงษา ๑ ก่อนแล ถ้าว่าจะนับแต่เช่นเจ้าขุนฟองพุ้นมานั้น ก็ได้ ๕๑ เช่นตนเสวยเมืองแล ฯ

"0.8"px อยู่มาเถิงปีกาบเสร็จ จุลศักราชได้ ๑๑๑๖ ตัว เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำนั้น มังสามหลวงก็ถืออามิศต่อจ่าสวนพระมหา กระษัตริย์เจ้าเมืองอังวะ มาปลงเมืองน่านหื้อเจ้าอริยวงษ์หวั่นท๊อกตนลูกได้เปนเจ้าเสวยเมืองน่านแถมต่อไปหั้นแล ท่านเสวยเมืองได้ ๗ ปี คือเถิงปีกดสี จุลศักราชได้ ๑๑๒๒ ตัวนั้น เมืองลานนาไทยทั้งหลายมีเมืองเชียงใหม่เชียง แสนเปนต้น ก็พร้อมกันคิดฟื้นพระมหากระษัตริย์เจ้าเมืองอังวะหั้นแล ฯ

"0.8"px ครั้นเถิงจุลศักราชได้ ๑๑๒๓ ตัว ปีลวงไซ้ ทัพม่านละโปละทัพอัมมกามณีเปนโปโชกมีกำลังหมื่นสามพัน ก็ยก กองทัพใหญ่ลงมา ครั้นเถิงเดือน ๓ ขึ้น ๘ ค่ำก็มาฮอดเวียงเชียงใหม่หั้นแล้ว ก็แวดวังขังเอานานได้ ๕ เดือนปาย ๑๔ วัน ก็ได้เวียงเชียงใหม่หั้นแล ครั้นว่าม่านได้เมืองเชียงใหม่แล้ว ม่านสามโปสามทัพก็ยกมาเมืองนครแลมา เมืองแพร่แลมาเมืองน่าน มาตั้งทัพอยู่หัวเวียง ลวดรั้งพรรษาอยู่แล้ว ก็เก็บเอาเงินค่าเกล้าค่าหัวคู่ผัวเมียไหนก็เก็บ เอาเงิน ๕๐๐ คำบาทหั้นแล ฯ

"0.8"px ครั้นอยู่มาเถิงจุลศักราชได้ ๑๑๒๔ ตัว ปีเต่าซง้า เดือน ๓ ขึ้น ๕ ค่ำ ม่านสามโปสามทัพก็ยกหนีเมือเวียงอังวะหั้นแล ฯ

"0.8"px เถิงจุลศักราชได้ ๑๑๒๕ ตัว ปีกาเม็ดนั้น ม่านสี่โปสี่ทัพมีกำลังสี่พันก็ยกกองทัพมา มีโปมหามังคละทกคือเปนโป โชก มาจัด