หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/162

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๒๗

ขึ้น ๑๓ ค่ำ มาฮอดเมืองน่านเดือน ๓ ขึ้น ๔ ค่ำ มาตั้งอยู่บ้านถีดริมน้ำน่านวันตกภูเพียงแช่แห้งหั้นแล ฯ

 ยามนั้นเจ้าจันทปโชตคือเจ้ามงคลวรยศนั้นท่านก็ยังตั้งอยู่ท่าปลาหั้นแล ดังเจ้าสมณะตนเปนน้องเจ้าพระยามงคลวรยศนั้นท่านก็ขึ้นมาตั้งอยู่บ้านคือเวียงพ้อหั้นแล ยามนั้นเจ้าอัตถวรปัญโญท่านก็พาเอาท้าวขุนไพร่ไทยตามสมควร ว่าจักลงไปไชยหาเจ้าสมณะตนเปนน้าที่บ้านคือว่าสันนั้น ยามนั้นยังมีขุนผู้หนึ่งจิงจักทวายเมียบุสรักว่าด้วยเจ้าอัตถวรปัญโญจักลงไปไชยหาน้านั้น ยามนั้นขุนเมียผู้นั้นจิงจักไหว้ห้ามบ่หื้อไปเทือะ เพราะออกเมื่อบ่ดี ครั้นเจ้าจักลงไปไชยหาน้าในวันนี้แท้ กลัวจักเกิดเหตุอันตรายแลว่าอัน เมื่อนั้นท้าวขุนทั้งหลายไหว้ห้ามท่านสันนั้นท่านก็บ่ฟัง ก็พา เอาท้าวขุนขึ้นเรือล่องลงไปหาเจ้าตนเปนน้าที่บ้านคือเวียงสาหั้นแล ยามนั้นเจ้าสมณะตนเปนน้า ท่านก็ตีเหล็กอยู่ เจ้าตนเปนหลานก็เข้าไปหาเจ้าตนเปนน้าหั้นแล เจ้าตนเปนน้าครั้นว่าหันเจ้าตน เปนหลานเข้าไปหาสันนั้นก็คิดใจว่า มันเปนข้าเหนือ กูเปนข้าใต้ สิ้มมันจักมาเอากูก็บ่แจ้ง คิดสันนี้แล้วก็จิงห้ามเจ้าตนหลานบ่หื้อเข้าไปหา ห้ามถ้วน ๒ ทีถ้วน ๓ ทีหั้นแล เมื่อนั้นเจ้าตนเปนหลานก็เอิ้นบอกกล่าวว่า ข้าจักไปหาน้าด้วยสวัสดีบ่คิดคืนด้วยประการใดแล ว่าอันแล้ว เจ้าตนหลานก็ซ้ำเข้าไปใกล้เจ้าตนเปนน้าแถมหั้นแล เมื่อนั้นเจ้าตนเปนน้าก็วัดจับได้ปืน ก็ยิงเจ้าตนเปน หลานถ้วน ๒ ที ๓ ทีก็บ่ออกบ่ไหม้หั้นแล เจ้าตนหลานหันเจ้าตนน้ากระทำแก่ตนสันนั้น ก็วัดจับได้หอกก็ไล่เจ้าตนน้า เจ้าตนน้าก็บ่ช่างทนอยู่ได้ ก็แล่นหนีไปทางวังคือน้ำน่าน ในขณะนั้นมีบ่าวเจ้าตนน้าผู้ ๑ ก็แล่นทวยเจ้าตนน้าไปแล เจ้าตนหลานก็ไล่ทวยไป