หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/199

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๖๔

ตั้งแต่ตีนไปเถิงท้อง เอาหมอทั้งหลายมายาก็บ่หาย เถิงเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๒ ค่ำยามเที่ยงขึ้น ท่านก็เถิงแก่อสัญกรรมตายไปสู่โลกภายน่าวันนั้นแล ท่านเสวยเมืองได้ ๗ เดือนก็เถิงแก่กรรมแล เถิงจุลศักราชได้ ๑๒๐๐ ตัวปีเบิกเสร็จ จึงได้กระทำเลิกทรากส่งสักการท่านแล เรียกว่าได้ ๑๐ เช่นชั่ววงษาแล ผิจักนับแต่เจ้าขุนฟองมาก็ได้ ๖๐ เช่นกินเมืองแล

 เจ้าอชิตวงษ์มีบุตรชาย ๒ บุตรที่ ๑ ชื่อเจ้าพระยาวังขวาดัก บุตรที่ ๒ ชื่อเจ้าหนานสุยะแล เมียที่ ๒ ที่ ๓ บ่มีลูกแล ฯ

 ในจุลศักราช ๑๒๐๐ ตัวปีเบิกเสร็จนั้นสิ่งเดียว ปลงศพเจ้าอชิตวงษ์แล้ว เจ้ามหาอุปราชามหาวงษ์ตนเปนบุตรแม่เจ้านางเลิศนั้นท่านก็ได้ลงไปกราบทูลพระมหากระษัตริย์เจ้าเมืองใต้ พระมหากระษัตริย์เจ้าจิงมีพระมหากรุณา โปรดตั้งเจ้ามหาอุปราชามหาวงษ์หื้อเปนเจ้าพระยาน่านหั้นแล

 อาชญาเจ้าหลวงมหาวงษ์ครั้นว่าได้รับสัญญาบัตรเปนเจ้าเสวยเมืองแล้วก็กราบทูลลาขึ้นมาหั้นแล

 ในศักราชนั้นสิ่งเดียว ท่านก็มารำเพิงเล็งหันยังพระพุทธุปบาทสาสนาที่หลุต่ำคร่ำชรา ควรดีซ่อมสร้างขึ้นแถมใหม่ท่านก็สร้างหั้นแล ท่านสร้างวิหารวัดสถารสแลโรงวัดแลพระธาตุเจ้าวัดสถารสนั้นเปนครั้งต้นแรก แลสร้างวิหารวัดพระเกิดเปนครั้งถ้วน ๒ แล สร้างซ่อมพระวิหารพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้งน้อยเปนถ้วน ๓ แล ฯ